สส.โหวตผ่าน ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ลุ้นผ่าน สว. บังคับใช้ทันปลายปีนี้

วันที่ 21 ตุลาคม 2568 ที่รัฐสภา นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. .... แถลงข่าวภายหลังสภาผู้แทนราษฎรมีมติ เห็นชอบร่างกฎหมายฉบับนี้ในวาระ 2 และ 3 ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 309 เสียง ถือเป็น “ข่าวดีของประเทศ” ที่จะมีกฎหมายสำคัญในการรับมือกับปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อย่างเป็นรูปธรรม

นายจักรพลระบุว่า ขั้นตอนต่อไปคือการส่งร่างกฎหมายให้ วุฒิสภาพิจารณาภายในสัปดาห์นี้ คาดว่าจะเข้าสู่วาระวันที่ 27–28 ตุลาคม ก่อนปิดสมัยประชุม หากไม่มีข้อผิดพลาด อาจประกาศใช้ได้ในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่สถานการณ์ฝุ่นมักรุนแรงที่สุดของปี

"ขอบคุณคณะกรรมาธิการที่ทุ่มเททำงานอย่างหนัก โดยมีการประชุมพิจารณารวมกว่า 91 ครั้ง และในชั้นอนุกรรมาธิการกว่า 400 ครั้ง นับเป็นการทำงานต่อเนื่องตั้งแต่สภาชุดที่ 25 จนถึงชุดปัจจุบัน พร้อมย้ำว่าร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านการกลั่นกรองอย่างรอบด้าน ครอบคลุมทุกแหล่งกำเนิดมลพิษ เพื่อให้เป็นกฎหมายที่สามารถแก้ปัญหาฝุ่นพิษได้อย่างยั่งยืน"

ด้าน พรรคประชาชน แถลงผ่านเฟสบุ๊คของพรรค ระบุ “ผ่านแล้ว! พ.ร.บ.อากาศสะอาด นับหนึ่งสู่การส่งมอบอากาศดีให้คนไทย คนก่อมลพิษต้องรับผิดชอบ” โดยชี้ว่ากฎหมายนี้ถือเป็นผลสำเร็จจากการผลักดันของภาคประชาชนตั้งแต่ปี 2562 และการสานต่อของฝ่ายนิติบัญญัติ

ร่างกฎหมายฉบับนี้วางหลักการสำคัญ เช่น

ยืนยันสิทธิของประชาชนในการมีอากาศสะอาด

กำหนดให้ “ผู้ก่อมลพิษต้องเป็นผู้จ่าย” (Polluter Pays Principle)

มีบทลงโทษชัดเจนต่อผู้สร้างมลพิษ

เปิดทางให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะนายก อบจ. มีอำนาจบริหารจัดการปัญหามลพิษในพื้นที่

จัดตั้งฐานข้อมูลกลางเปิดเผยรายชื่อผู้ก่อมลพิษ (Name and Shame)

นอกจากนี้ ยังนำแนวทางจาก Clean Air Act ของสหรัฐฯ มาปรับใช้ เพื่อแบ่งพื้นที่ที่มีมลพิษรุนแรงให้ได้รับการจัดการเฉพาะด้าน พร้อมสิทธิคุ้มครองด้านสุขภาพแก่ประชาชนกลุ่มเปราะบางในพื้นที่เสี่ยง

พรรคประชาชนย้ำว่า กฎหมายฉบับนี้จะมีประสิทธิผลได้ก็ต่อเมื่อรัฐบาลจริงจังในการบังคับใช้ และไม่เกรงใจกลุ่มทุนหรือผู้ก่อมลพิษรายใหญ่ พร้อมยืนยันจะติดตามการพิจารณาของวุฒิสภาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้กฎหมายฉบับนี้ประกาศใช้ได้ทันภายในสิ้นปีนี้