เศรษฐกิจไทยซึมยาว! ดัชนีเชื่อมั่นหอการค้าลดต่อเนื่อง 5 เดือน สะท้อนความกังวลภาคธุรกิจ
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ประจำเดือนกรกฎาคม 2568 พบว่า ดัชนีปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน จากระดับ 46.7 ในเดือนมิถุนายน มาอยู่ที่ 45.9 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 31 เดือน และยังต่ำกว่าค่ากลางที่ 50 สะท้อนความกังวลของภาคธุรกิจต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวม ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนเดียวกันก็ปรับลดลงเช่นกัน โดยทั้งสองดัชนีอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีครึ่ง สะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยยังคงซึมตัว กำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัวเด่นชัด และยังจำเป็นต้องได้รับการกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง
ภาคธุรกิจและผู้บริโภคยังมีความกังวลต่อปัจจัยลบหลายด้าน ทั้งสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว สถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยกระดับจนเกิดเหตุรุนแรง และนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่ประกาศภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยถึง 19% ทั้งนี้ ยังรวมถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก ราคาสินค้าเกษตรที่ลดลง ภาระหนี้ครัวเรือนที่ยังสูง ต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้น และสภาพคล่องของผู้ประกอบการที่ยังเปราะบาง
ขณะที่ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ยังคงประมาณการอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทย (GDP) ปี 2568 ไว้ที่ 1.7% โดยมองว่าแม้เศรษฐกิจไทยจะยังมีแรงหนุนบางประการ แต่ยังต้องพึ่งพานโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี ทั้งนี้ ปัจจัยสนับสนุนต่อดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนกรกฎาคม 2568 ได้แก่
เศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดว่าจะขยายตัว 2.2% ตามการประเมินของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)
การส่งออกเดือนมิถุนายนขยายตัว 15.49% เกินดุลการค้า 1,061.70 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
โครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” หนุนการจับจ่ายภายในประเทศ
SET Index เดือนกรกฎาคมปรับเพิ่มขึ้นกว่า 150 จุด
ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศลดลงเล็กน้อย
พืชผลทางการเกษตรหลายรายการยังทรงตัวในระดับที่ดี
เงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย สะท้อนเงินทุนไหลเข้าสุทธิ
ข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ
เร่งเจรจาลดผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ และประเทศมหาอำนาจ
ออกมาตรการรับมือและป้องกันความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมวางระบบบริหารจัดการการค้าชายแดนอย่างยั่งยืน
เตรียมมาตรการรองรับภัยธรรมชาติ เพื่อลดความเสียหายทางเศรษฐกิจ
เดินหน้ากระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ เช่น ส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง
รักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับการแข่งขันด้านการส่งออก
สนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
-------------------------
ที่มา : หอการค้าไทย