Header Ads

ส่อง..เหตุผล..ความจำเป็นที่ต้องมี "สถานบันเทิงครบวงจร"

คอลัมน์ จับกระแสการเมือง # โดย..สมศักดิ์ ไม้พรต # เว็บไซต์โลกธุรกิจ # เผยแพร่ 14 มกราคม 2568

หลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ความเห็นชอบในหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ...  ทำให้เกิดคำถามตามมามากมายในหลายแง่มุม 

        โดยเฉพาะในมุมของความจำเป็นที่ไทยต้องมี "สถานบันเทิงครบวงจร" แม้จะมีหลายอย่างอยู่ในนั้น แต่ประเด็นที่สังคมให้ความสนใจและมีคำถามมากที่สุดคือส่วนของ "การพนัน"

เมื่อมีคำถามก็ต้องมีคำตอบจากรัฐบาลที่ผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจังและต้องการเห็นสถานบันเทิงครบวงจรเกิดขึ้นให้ได้ภายในอายุของรัฐบาลนี้ 

        อย่างน้อยก็ต้องผลักดันให้ร่างกฎหมายผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาออกมาให้ได้ 

ส่วนเรื่องการออกใบอนุญาตค่อยว่ากันหลังจากนั้น

ในมุมของเหตุผลความจำเป็นที่ต้องมี "สถานบันเทิงครบวงจร" มีคำอธิบายจากผู้รับผิดชอบโดยตรงอย่างนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์  รัฐนนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่โพสต์แจกแจงรายละเอียดไว้ในเฟสบุ๊คส่วนตัว จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หลังจากที่ ครม.มีมติเห็นชอบในหลักการร่างกฎหมายเพื่อส่งต่อให้สภาพิจารณา ดังนี้

"ผมขอขอบคุณทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ หลังผ่านการเปิดรับฟังความเห็นจากประชาชนและปรับปรุงร่างกฎหมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหลังจากนี้จะเป็นขั้นตอนของกฤษฎีกาก่อนเข้าสู่กระบวนการของสภาฯ ต่อไปครับ  

สำหรับเหตุผลที่ประเทศไทยควรมีและต้องมีสถาบันเทิงครบวงจรนั้น จากข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการคลังระบุว่าแนวโน้มของหลายประเทศทั่วโลกที่เริ่มมีการพัฒนาโครงการในลักษณะนี้ เช่น ญี่ปุ่นและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ทำให้เกิดการลงทุนจริงเบื้องต้นอย่างน้อย 100,000 ล้านบาท เพิ่ม GDP 0.23% ในช่วงก่อสร้างและ 0.2% - 0.8% หลังเปิดบริการ อีกทั้งเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวได้ถึง 5% - 20% กระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในช่วง Low Season ถึง 13% และเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อหัวอยู่ที่ 66,000 บาท/คน/ทริป  

ในส่วนประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับคนไทยนั้น สามารถเกิดการจ้างงานได้อย่างน้อย 9,000 - 15,3000 ตำแหน่ง และเกิดการพัฒนาศักยภาพแรงงานในประเทศ สร้างรายได้ให้กับรัฐประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท/ปี เพื่อนำไปปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานให้กับประเทศในมิติต่างๆ อีกทั้งเป็นการนำเงินจากเศรษฐกิจนอกระบบเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน 

ขณะที่มาตรการควบคุมนั้น โมเดลของประเทศสิงคโปร์ใช้รายได้จากสถานบันเทิงครบวงจรในการตั้งกองทุนป้องกันและบรรเทาผลกระทบ ส่งผลการให้เล่นการพนันผิดกฎหมายลดลงจาก 2.1% เหลือเพียง 0.2% ในปี 2020 ซึ่งเราจะใช้โมเดลนี้ในการป้องกันผลกระทบทางสังคมต่อไปครับ 

ผมในฐานะ รมช. คลัง มีความมั่นใจว่าโครงการนี้จะเป็นการพัฒนาที่สร้างความหลากหลายให้กับการท่องเที่ยวในประเทศไทย ผ่านแหล่งท่องเที่ยวแบบ Man-Made Destination ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทั่วโลกครับ"

นั่นคือหลักการเหตุผล ความจำเป็นที่ไทยต้องมี "สถานบันเทิงครบวงจร"  จากผู้ที่มีความรับผิดชอบ

เมื่อ "หามผีถึงป่าช้า" ถึงอย่างไรก็ต้องฝัง ทำให้เข้าใจได้ว่าชั่วโมงนี้คงไม่มีใครขัดขวางการก่อเกิดของ "สถานบันเทิงครบวงจร" ได้

ถือเป็นความสำเร็จของฝ่ายการเมืองหลังจากพยายามศึกษาผลักดันกันมานับทศวรรษ พยายามผลักดันกันมาหลายรัฐบาล

"เหรียญมีสองด้าน" ฟังมุมบวกของ "สถานบันเทิงครบวงจร" จากผู้รับผิดชอบแล้ว หลังจากนี้เชื่อว่าจะมีมุมของผู้คัดค้าน ไม่เห็นด้วยทยอยออกมา ประชาชนเจ้าของประเทศก็ลองชั่งน้ำหนักดู

อย่างไรก็ตามเชื่อว่ารัฐบาลจะพยายามอย่างเต็มที่ในการผลักดันร่างกฎหมายให้ผ่านสภาเอาไว้ก่อน เพราะถ้าเกิดค้างคาไปจนถึงการเลือกตั้ง ประเด็น "สถานบันเทิงครบวงจร" จะถูกยกมาเป็นประเด็นโจมตีในสนามเลือกตั้งจนคะแนนหดหายแน่นอน

เพราะเรื่อง "การพนัน" แม้จะเป็นสิ่งที่เห็นและมีอยู่จริง

แต่ "การพนัน" ยังก็ไม่ถูกจริตกับสังคมไทยอยู่ดี

Theme images by fpm. Powered by Blogger.