เลือกตั้ง นายก อบจ. กับอนาคตของ "ประชาชน"
การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และสมาชิกสภา อบจ. ที่จะมีขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ถือเป็นการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นที่เดือดมากกว่าทุกครั้่งที่ผ่านมา
ถ้าถามว่าอะไรทำให้อุณหภูมิการเมืองท้องถิ่นเดือด
คำตอบคือ การเมืองระดับชาติลงไปฟัดกันเต็มตัวเพื่อแย่งชิงพื้นที่ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ ถูกจับไปผูกโยงกับการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมีขึ้นในปี 2570 (กรณีรัฐบาลอยู่ครบวาระ 4 ปี)
ฝ่ายหนึ่งเชื่อว่าหากยึดกุมพื้นที่การเมืองระดับจังหวัดได้จะทำให้ได้เปรียบในการเลือกตั้งระดับชาติ และยังเป็นการใช้การเมืองสนามเล็กวัดความนิยมในตัวผู้สมัครที่เป็นตระกูลบ้านใหญ่ในพื้นที่ว่ายังมีกำลังทางการเมืองมากน้อยแค่ไหน
ถ้ายังมีฤทธิ์เดชอยู่การจะกำชัยในสนามเลือกตั้งใหญ่ก็คงทำได้ไม่ยาก
แต่หากมนต์ตราของบ้านใหญ่ในพื้นที่เริ่มเสื่อมความขลัง ก็จะได้จัดทัพแต่งตัวเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งสนามใหญ่กันใหม่
เรียกว่าเป็นการใช้สนามท้องถิ่นเพื่อประเมินว่าจะต้องมีการปรับเปลี่ยนอะไรหรือไม่ ก่อนที่จะทำศึกใหญ่ในวันข้างหน้า
ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งขายความเป็นคนรุ่นใหม่ ขายวิธีการบริหารแบบใหม่ ขายวิสัยทัศน์ใหม่ ก็ต้องการพื้นที่แสดงฝีมือในเชิงบริหารให้เป็นที่ประจักษ์ ต้องการแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ที่ชัดเจน
เพื่อใช้ผลงานระดับท้องถิ่นไปต่อยอดทำศึกใหญ่ ปี 70
ลำพังจะขายกระแสอย่างเดียวเหมือนการเลือกตั้งปี 66 ที่ผ่านมาคงไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีเหมือนเคย เพราะดาราระดับแม่เหล็กถูกจับใส่โหลดองทางการเมือง แม้จะยังช่วยส่งเสียงเรียกคะแนนได้ แต่คงไม่มากเหมือนเก่า
"ผลงาน" ในระดบท้องถิ่นเท่านั้นที่จะช่วยดึงคะแนนให้ฝ่ายตัวเองได้
ทำนองว่าถ้าบริหารท้องถิ่นได้ดี เป็นที่พอใจของประชาชนก็เอามาต่อยอดหาเสียงเลือกตั้งใหญ่ได้ว่า "บริหารท้องถิ่นยังทำได้ดีขนาดนี้ ถ้าประชาชนให้โอกาสบริหารประเทศจะทำได้ดีขนาดไหน"
แต่ย้ำว่าต้องมี "ผลงาน" ที่ชัดเจน ที่ประชาชนเห็นและสัมผัสได้ถึงความแตกต่างจากการบริหารท้องถิ่นของกลุ่มบ้านใหญ่ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาเท่านั้น
ถ้าได้โอกาสบริหารท้องถิ่นแล้วทำไม่ได้ ประตูชัยในสนามเลือกตั้งใหญ่ก็คงปิดตายสำหรับพรรคส้ม
ด้วยเหตุปัจจัยนี้เองที่ทำให้สนามการเลือกตั้ง นายก อบจ. เดือดกว่าที่เคย เพราะในอดีตไม่เคยมีที่พรรคการเมืองจะจัดทัพใหญ่ลงไปช่วยผู้สมัครท้องถิ่นหาเสียงกันอย่างอึกทึกคึกโครมเหมือนที่ปรากฎให้เห็นอย่างในทุกวันนี้
แน่นอนว่าการเลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัด ที่จะมีขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นี้ ฝ่ายสีแดงคงกำชัยชนะได้เป็นส่วนใหญ่
ส่วนที่เหลือก็น่าจะเป็นของพวกบ้านใหญ่ที่ไม่ได้ลงสมัครในนามพรรคการเมืองโดยตรง แม้ลึกๆ คนทั่วไปจะรู้ว่ามีพรรคการเมืองใดหนุนหลังอยู่
ฝ่ายสีส้มที่ต้องการโอกาส ต้องการชัยชนะเป็นอย่างมากก็รู้กำลังตัวเองดีว่าคงไม่อาจตีฝ่าด่านบ้านใหญ่ที่ฝังรากลึกในพื้นที่มายาวนานได้ง่ายนัก
แต่ขอชัยชนะแค่สักสองสามจังหวัด หรือจะสักแค่หนึ่งจังหวัดก็ได้เพื่อที่จะมีพื้นที่แสดงฝีมือในเชิงบริหาร แสดงผลงานให้เห็นความแตกต่างที่สัมผัสได้อย่างชัดเจน
เพื่อใช้เป็นเชื้อต่อยอดหาเสียงเลือกตั้งใหญ่ปี 70
คงต้องตามดูว่าหลังปิดหีบลงคะแนน ฝ่ายสีส้มจะได้มาสักจังหวัดตามที่ต้องการหรือไม่
หรือจะปราชัยราบคาบเหมือนการเลือกตั้งซ่อม นายก อบจ.ในหลายจังหวัดก่อนหน้านี้