Header Ads

รัฐบาลปรับแหล่งเงินโครงการ Digital Wallet ไม่กู้มาแจก

 

วันที่ 10 เมษายน 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังและนายนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง  ร่วมกันแถลงความคืบหน้าโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ภายหลังจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ครั้งที่ 3/2567 

การแถลงของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังและปลัดกระทรวงการคลังสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

1.โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet จะมีแหล่งที่มาของเงินที่จะใช้ในโครงการ 3 ก้อนเป็นการบริการจัดการจากงบประมาณทั้งหมด ไม่ออกเป็นพ.ร.บ.กู้เงิน เงินก้อนแรก 152,700 ล้านบาท จะมาจากงบประมาณรายจ่ายปี 2568 ซึ่งเปิดวงเงินเอาไว้แล้ว ก้อนที่สอง 175,000 ล้านบาท มาจากงบประมาณรายจ่ายปี 2567 ที่เพิ่งมีการใช้จ่าย ก้อนที่สาม 172,300 ล้านบาท มาจากโครงการของรัฐ โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) เป็นผู้รับผิดชอบดูแลกลุ่มเกษตรกรประมาณ 17 ล้านคน

2.ผู้ที่จะได้รับเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet  คือบุคคลที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ที่มีรายได้ไม้เกินปีละ 840,000 บาท และมีเงินฝากไม่เกิน 500,000 บาท ซึ่งมีผู้เข้าเกณฑ์ประมาณ  50 ล้านคน

3.การใช้จ่าย จะให้ช้จ่ายผ่านแอปที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ให้เป็น  Super App ของรัฐบาล

4.ระดับประชาชนกับร้านค้าใช้จ่ายได้ในพื้นที่เขตอำเภอ และเป็นร้านค้าขนาดเล็กที่กระทรวงพาณิชย์จะเป็นผู้กำหนด่อไป

5.ระดับร้านค้ากับร้านค้าไม่กำหนดเขตพื้นที่ใช้จ่าย

6.การขึ้นเงินสดร้านค้าจะขึ้นเงินสดได้เมื่อมีการใช้จ่ายรอบที่สองแล้วเพพื่อป้องกันการทุจริต

7.สามารถซื้อสินค้าได้ทุกประเภทยกเว้นสินค้าที่เป็นอบายมุข น้ำมัน และสินค้าออนไลน์

8.ตั้งคณะกรรมการติดตามตรวจสอบโครงการเพื่อป้องกันการทุจริต

9.เปิดลงทะเบียนร้านค้าภายในไตรมาส 3 ของปีนี้และเงินถึงมือประชาชนในไตีมาส 4

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังต่างยืนยันตรงกันว่า การดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ดำเนินตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกฉบับอย่างรอบคอบ และจะนำโครงการเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้ความเห็นชอบภายในเดือนเมษายนนี้


Theme images by fpm. Powered by Blogger.