กกต.เตือนผู้สมัคร สส.เขตใช้เงินหาเสียงได้ไม่เกิน 1.9 ล้าน พรรคการเมืองใช้ได้ไม่เกิน 44 ล้าน
กกต.กำชับพรรคการเมือง–ผู้สมัคร ปฏิบัติตามกฎหมายเลือกตั้งเข้ม หลังประกาศยุบสภา ชี้เพดานค่าใช้จ่าย-กรอบหาเสียงชัด พร้อมวางกติกาสมาชิกพรรคและสรรหาผู้สมัคร
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกประกาศแนวทางปฏิบัติตามกฎหมายเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ภายหลังมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2568 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 โดยระบุว่า กกต.จะต้องประกาศกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปภายในกรอบเวลาไม่น้อยกว่า 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกามีผลใช้บังคับ
กกต.ขอประชาสัมพันธ์ให้พรรคการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งในพรรค ผู้สมัคร และผู้เกี่ยวข้อง ศึกษาและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม และชอบด้วยกฎหมาย โดยมีสาระสำคัญดังนี้
กำหนดเพดานค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง–ห้ามซื้อเสียงเด็ดขาด
ประกาศ กกต.กำหนดให้การเลือกตั้งทั่วไปจากกรณียุบสภา ผู้สมัคร สส.แบบแบ่งเขต ใช้จ่ายได้ไม่เกิน 1.9 ล้านบาทต่อคน ขณะที่พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ ใช้จ่ายได้ไม่เกิน 44 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ กกต.เน้นย้ำห้ามผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นการแจกเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด รวมถึงการชักชวนให้ไม่เลือกผู้ใด ซึ่งเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง และมีโทษตามที่กฎหมายกำหนด
นับค่าใช้จ่ายตั้งแต่วันยุบสภา–กำหนดกรอบเวลาหาเสียงชัดเจน
กฎหมายกำหนดให้การคำนวณค่าใช้จ่ายเลือกตั้งในกรณียุบสภา นับตั้งแต่วันที่ยุบสภาจนถึงวันเลือกตั้ง โดย กกต.อาจขยายระยะเวลาได้หากมีเหตุจำเป็นเพื่อความสุจริตและเที่ยงธรรม
ส่วนการหาเสียงเลือกตั้ง สามารถดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ยุบสภา จนถึงวันก่อนวันเลือกตั้ง
คุมเข้มสมาชิกพรรค–สาขาพรรค–ตัวแทนจังหวัด
กกต.กำชับให้พรรคการเมืองดำเนินการหาสมาชิกพรรคตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ห้ามให้หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์ใดเพื่อจูงใจสมัครเป็นสมาชิก หากฝ่าฝืนอาจถูกยุบพรรค และผู้เกี่ยวข้องต้องรับโทษทั้งจำคุก ปรับ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
การจัดตั้งสาขาพรรคการเมือง ต้องมีสมาชิกในพื้นที่ไม่น้อยกว่า 500 คน ส่วนการแต่งตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ต้องมีสมาชิกในจังหวัดนั้นเกิน 100 คน และต้องแจ้งต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองภายใน 15 วัน หากไม่ดำเนินการตามกำหนด มีโทษปรับตามกฎหมาย
วางกรอบการสรรหาผู้สมัคร ป้องกันปัญหานอมินีการเมือง
พรรคการเมืองต้องตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครตามข้อบังคับพรรค โดยมีกรรมการบริหารพรรคไม่เกินกึ่งหนึ่ง และต้องมีหัวหน้าสาขาพรรคจากต่างภาคอย่างน้อย 4 สาขา รวมถึงตัวแทนพรรคประจำจังหวัด ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร
การส่งผู้สมัครแบบแบ่งเขต พรรคการเมืองต้องมีสาขาพรรคหรือ ตัวแทนพรรคในจังหวัดนั้น และต้องดำเนินการสรรหาตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด หากฝ่าฝืน มีโทษทั้งจำคุก ปรับ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง รวมถึงกรณีออกหนังสือรับรองผู้สมัครอันเป็นเท็จ
ทั้งนี้ หลังจากดำเนินการสรรหาผู้สมัครแล้ว พรรคการเมืองต้องรายงานผลต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง พร้อมสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มและคู่มือที่เกี่ยวข้องจากเว็บไซต์ กกต.
กกต.ย้ำให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาความสุจริต เที่ยงธรรม และความน่าเชื่อถือของการเลือกตั้ง พร้อมเปิดช่องทางสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผ่านเว็บไซต์ กกต. สำนักงาน กกต.ประจำจังหวัด หรือสายด่วน 1444
ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง



