ประชาชนใช้จ่ายคึกคัก รองโฆษกรัฐบาลชวนร้านค้าสมัครเข้าร่วม “คนละครึ่งพลัส” ได้ถึงวันที่ 19 ธ.ค.นี้
วันที่ 1 พ.ย. 68 นางสาวลลิดา เพริศวิวัฒนา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า โครงการ “คนละครึ่งพลัส” ยังคงได้รับการตอบรับอย่างต่อเนื่องจากประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อยทั่วประเทศ โดยรัฐบาลภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มุ่งผลักดันให้มาตรการดังกล่าวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก และสร้างรายได้หมุนเวียนในชุมชนอย่างทั่วถึง
เพื่อเปิดโอกาสให้ร้านค้ารายใหม่เข้าร่วมโครงการได้มากขึ้น รัฐบาลได้กำหนดให้ ร้านค้าสามารถสมัครเข้าร่วม “คนละครึ่งพลัส” ได้ถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 ผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” หรือสมัครด้วยตนเองที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขาทั่วประเทศ โดยต้องเป็นร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษีของรัฐ และจำหน่ายสินค้า–บริการที่เข้าข่ายตามเงื่อนไขของโครงการ เช่น ร้านอาหาร ร้านตัดผม ร้านนวดแผนไทย ร้านซักรีด หรือร้านค้าทั่วไป
รองโฆษกรัฐบาล ระบุว่า ปัจจุบันมีร้านค้าผ่านการตรวจสอบข้อมูลแล้วกว่า 7.8 แสนราย และมียอดการใช้จ่ายรวมกว่า 5.4 พันล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงพลังการจับจ่ายของประชาชนที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมขอเชิญชวนร้านค้าที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการรีบสมัครภายในกำหนด เพื่อใช้โอกาสนี้ขยายฐานลูกค้า และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน
นางสาวลลิดา กล่าวด้วยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เดินหน้าโครงการ “คนละครึ่งพลัส” อย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยล่าสุด ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2568 เวลา 17.00 น. มีร้านค้าที่ผ่านการตรวจสอบและเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 780,659 ราย ทั่วประเทศ และมียอดใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบรวมกว่า 5,424.7 ล้านบาท
จากยอดการใช้จ่ายดังกล่าว แบ่งเป็น เงินที่รัฐบาลร่วมจ่าย 2,684.9 ล้านบาท และ เงินที่ประชาชนใช้จ่าย 2,739.8 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อยที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจบริการรายย่อย เช่น ร้านอาหาร ร้านตัดผม ร้านนวดแผนไทย ร้านซักรีด คาเฟ่ และบริการเดลิเวอรี ที่ได้รับผลดีจากมาตรการดังกล่าว
รองโฆษกรัฐบาลระบุว่า การดำเนินโครงการ “คนละครึ่งพลัส” เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่มุ่งเน้นการกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่น เพิ่มกำลังซื้อของประชาชน และเสริมความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการรายย่อย พร้อมเชิญชวนประชาชนใช้สิทธิ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจและเกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจฐานรากอย่างแท้จริง
-----------------------------
ที่มา : รัฐบาลไทย



