ผู้ว่า ธปท. ชู 3 งานใหญ่ ดูแลเงินเฟ้อ–ช่วยลูกหนี้–หนุนเศรษฐกิจดิจิทัล
นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเวทีพูดคุยกับสื่อมวลชนครั้งแรกหลังรับตำแหน่งเกี่ยวกับแนวทางการทำงานของ ธปท. และทิศทางนโยบายสำคัญในระยะต่อไป สรุปประเด็นหลักดังนี้
แนวทางการทำงานของ ธปท.
สานต่อพันธกิจหลักของธนาคารกลาง คือ การรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว
o เสถียรภาพทางการเงิน โดยเฉพาะดูแลให้เงินเฟ้อระยะปานกลางอยู่ในระดับต่ำและไม่ผันผวน (low and stable) รวมถึงไม่ให้เกิดภาวะเงินฝืด และให้เงินเฟ้อกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในระยะปานกลาง
o เสถียรภาพระบบสถาบันการเงิน โดยสถาบันการเงินเข้มแข็ง มีความมั่นคง สามารถให้บริการลูกหนี้ ประชาชนและธุรกิจได้ต่อเนื่อง และดูแลไม่ให้เกิดจุดเปราะบางในระบบการเงินที่อาจลุกลามกลายเป็นวิกฤตในอนาคต
o เสถียรภาพระบบการชำระเงิน ดูแลให้ระบบมีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการของประชาชน ธุรกิจ และภาครัฐ ทั้งด้านความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และด้วยราคาที่สมเหตุสมผล
ธปท. จะดำเนินนโยบายด้วยความเป็นอิสระภายใต้กรอบกฎหมาย โดยมีหลายเรื่องที่ต้องทำร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนมากขึ้น เพื่อผลักดันนโยบาย ตลอดจนจะเน้นประสานนโยบายการเงินและนโยบายการคลัง (policy coordination) เพื่อช่วยประคับประคองเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ รวมทั้งเอื้อให้เกิดการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างที่จับต้องได้ ซึ่งจะช่วยยกระดับศักยภาพของประเทศ
ทิศทางนโยบายสำคัญของ ธปท. (policy priorities) ในระยะต่อไป ประกอบด้วย
1) การสานต่อแนวนโยบายการพัฒนาภาคการเงิน โดยเฉพาะการวางรากฐานให้ภาคการเงินพร้อมรองรับกับกระแสโลกใหม่ทั้งด้านดิจิทัลและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม (financial landscape) ได้อย่างเป็นรูปธรรม เช่น โครงการ Your Data การพัฒนาระบบ digital payment ที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ยืดหยุ่น และสนับสนุนให้ภาคเศรษฐกิจจริงเข้าถึงบริการทางการเงินครอบคลุมขึ้น รวมถึงการจัดตั้ง Virtual Bank
2) การทำงานของ ธปท. จะใกล้ชิดกับประชาชนและสังคมมากขึ้น ผ่านการรับฟังมุมมอง และข้อเรียกร้องจากสังคมให้รอบด้าน เพื่อให้เข้าใจปัญหาอย่างแท้จริง และนำมาประกอบการตัดสินนโยบายให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศโดยรวม รวมทั้งสื่อสารให้เข้าถึงประชาชนมากขึ้น ตลอดจนจะมีแนวนโยบายเฉพาะจุดเพื่อช่วยเหลือประชาชนและธุรกิจที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ซึ่งจะมาช่วยเสริมกับนโยบายการเงินที่ดูแลเศรษฐกิจการเงินในภาพรวม เช่น มาตรการแก้ปัญหาหนี้เสียผ่านกลไก AMC (ปัจจุบัน ธปท. อยู่ระหว่างหารือกับกระทรวงการคลังและสถาบันการเงินเพื่อออกแบบกลไกให้เหมาะสม ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงต้นปี 2569) การเพิ่มโอกาสให้ SMEs เข้าถึงสินเชื่อในระบบด้วยต้นทุนที่เหมาะสม ผ่านกลไกค้ำประกันเครดิตที่มีประสิทธิภาพและยืดหยุ่นขึ้น รวมทั้งกลไกกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่สมดุลกับความเสี่ยงของผู้กู้ (Risk-Based Pricing: RBP) ตลอดจนการทบทวนค่าธรรมเนียมของบริการทางการเงินให้เหมาะสมและเป็นธรรมขึ้น (fair pricing)
3) การผลักดันงานส่งเสริมทักษะและความรู้ทางการเงินให้แก่ประชาชน (financial literacy) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เกิดผลเป็นรูปธรรมขึ้น เช่น การส่งเสริมการออม การสอนวิธีการใช้เงิน เพื่อให้คนมีวินัยทางการเงินมากขึ้น
ธปท. มุ่งหวังว่าการดำเนินงานตามพันธกิจควบคู่กับการออกนโยบายและมาตรการของ ธปท. จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างสมดุลเข้าสู่ศักยภาพ เพื่อให้ประชาชนและประเทศชาติได้รับประโยชน์สูงสุด
------------------------
ที่มา : เว็บไซต์ธนาคารแห่งประเทศไทย และเฟสบุ๊ค ธนาคารแห่งประเทศไทย - Bank of Thailand