สสส.-เครือข่ายเยาวชน เปิดเวที Pain to Power เปลี่ยนแผลใจเป็นพลัง ‘เยาวชน-ศิลปิน’ ร่วมแชร์ประสบการณ์จริง สร้างแรงบันดาลใจให้สังคม
สสส.จับมือเครือข่าย เปิดกิจกรรมวันเยาวชนแห่งชาติ ชูแคมเปญ ‘เปลี่ยนความเจ็บปวดเป็นพลัง’ เผยความรุนแรงทางเพศและครอบครัว ปี 2566 พบ 58 % เกิดในกลุ่มอายุ 11-20 ปี โดยมีเหล้าและยาเสพติด เป็นปัจจัยร่วมสำคัญ พร้อมเปิดใจคนสู้ ฝ่าวิกฤติความเจ็บปวดสู่ความสำเร็จในแบบของตัวเอง อยู่ให้ไกลปัจจัยเสี่ยง
วันที่ 20 กันยายน 2568 เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง มูลนิธิเด็ก เยาวชน และครอบครัว สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติประจำปี 2568 Active Youth “Pain to Power” เปลี่ยนความเจ็บปวดเป็นพลัง เพื่อเสริมสร้างพลังใจเพื่อให้รู้ว่าความเจ็บปวดไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นโอกาสในการเติบโต และเป็นการสร้างพื้นที่ปลอดภัย พื้นที่สร้างสรรค์ ลดผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงที่นำไปสู่การใช้สารเสพติด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ความรุนแรง และพฤติกรรมเสี่ยงอื่นๆ ที่ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
![]() |
รศ.ดร.วิทยา กุลสมบูรณ์ กรรมการบริหารแผนคณะที่ 1 สสส. ประธานกล่าวเปิดงาน ⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼ |
![]() |
แพท วง Klear ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ที่กว่าจะประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องง่าย เพื่อเป็นกำลังใจให้กับเยาวชนที่อาจกำลังเผชิญปัญหาต่างๆอยู่ ⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼ |
คุณรัณนภันต์ กล่าวต่อว่า ตลอดเส้นทางตั้งแต่เป็นวัยรุ่นสู่การเป็นศิลปิน นั้นมีความท้าทายจากพฤติกรรมเสี่ยง ตลอดจนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ ซึ่งยอมรับว่าตนก็เคยดื่มแอลกอฮอล์ แต่หลังดื่มแล้วต้องมาทำงานต่อทำให้สภาพร่างกายแย่ ทำให้ไม่เต็มที่ เคยเส้นเสียงอักเสบ แค่กินเบียร์กระป๋องเดียวก่อนซ้อมดนตรี ถือว่าไม่คุ้ม จึงไม่ปาร์ตี้หนัก และสุดท้ายก็ไม่ดื่มมาเกือบ 10 ปีแล้ว ยิ่งถ้าพูดถึงเรื่องของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ตนไม่เห็นด้วยที่จะสูบโดยเฉพาะในที่สาธารณะ การรับชมคอนเสิร์ต เพราะควันบุหรี่ไม่ได้ทำร้ายแค่ผู้สูบเท่านั้นแต่ยังทำร้ายผู้ที่มาร่วมชมคอนเสิร์ตด้วย ถือเป็นการละเมิดสิทธิ์ในการมีสุขภาพดีของผู้ที่ไม่สูบ
![]() |
คุณบี (นามสมมุติ) ร่วมบอกเล่าปัญหาต่างๆ ที่ถาถมเข้ามาในชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ได้นำปัญหามาเป็นพลังผลักดันในการดำเนินชีวิตจนฟันฝ่าอุปสรรคมาได้ ⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼ |
“ถ้าถามว่าอะไรคือแรงผลักดันให้เรายังสู้ต่อ คือคนในครอบครัว ตอนนี้ก็เลิกกับคนที่ท็อกซิสไปแล้ว เพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยรอสอบบรรจุราชการครู ระหว่างนี้ก็ทำงานเป็นผู้จัดการร้านกาแฟ ดังนั้นขอฝากทุกคนว่า ไม่อยากให้ไปฟังคำพูดคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นคำด่าคำดูถูกหรือแม้แต่ถ้อยคำที่ไม่เข้าใจเราให้ทิ้งไปเลย แล้วให้เชื่อมั่นในตัวเองว่าเราทำได้ เราจะผ่านทุกอย่างไปได้บนโลกนี้ คนที่จะพาเราผ่านปัญหาต่างๆไปได้ คือตัวเราเองเท่านั้น ถ้าคนอื่นให้กำลังใจเราแต่ใจเราไม่สู้มันก็มีค่าเท่าเดิม แต่เมื่อไหร่ต่อให้มีคนพูดให้เราดูแย่ ทำลายความฝัน ทำลายกำลังใจเรา แต่ใจเราเลือกที่จะสู้ เราสามารถเอาคำพวกนั้นมาเป็นพลัง เป็นแรงผลักดันให้เราประสบความสำเร็จได้ และขอฝากอีกเรื่องคือความเจ็บปวดของคนเราไม่เท่ากัน เรื่องเล็กๆของคนหนึ่งอาจจะเป็นความเจ็บปวด ที่ยิ่งใหญ่ของอีกคน ดังนั้น ขออย่าใช้คำพูดแรงๆทำร้ายจิตใจคนอื่นเพราะมันส่งผลกระทบกับคน ที่กำลังมีปัญหามากๆ ที่จะเก็บไปคิดและอาจจะทำในสิ่งที่เราคาดไม่ถึงได้ ตลอดจนควรใช้ชีวิตที่ห่างไกลจากปัจจัยเสี่ยงทุกชนิดด้วย อย่าให้สิ่งเหล่านั้นเข้ามาเป็นปัจจัยร่วมให้ชีวิตเราแย่"
![]() |
นางสาวเพชรลดา ศรัทธารัตนตรัย แกนนำเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง ⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼⎼ |