สมาชิก ปชป. เรียกร้อง “อภิสิทธิ์-กรณ์” กลับมากอบกู้พรรค
ความเคลื่อนไหวทางการเมืองหลังมีความชัดเจนว่ารัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล จะยุบสภาภายใน 4 เดือนหลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงที่ทำไว้กับพรรคประชาชนทำให้พรรคการเมืองหลายพรรคขยับเตรียมความพร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้ง
น.ส.เจนจิรา รัตนเพียร โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงวันที่ 13 กันยายน 2568 โดยยืนยันว่า การลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคของนายเฉลิมชัย ไม่ได้เกิดจากความขัดแย้งกับนายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา และเลขาธิการพรรค ตามที่มีกระแสข่าว ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนยังเป็นปรกติ ส่วนการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จะเกิดขึ้นภายใน 60 วันหลังจากนี้ การปรับโครงสร้างพรรคครั้งนี้เป็นการเตรียมพร้อมเพื่อเข้าสู่สนามเลือกตั้ง และพรรคเปิดกว้างกับทุกคนที่จะเข้ามาร่วมฟื้นฟูพรรคโดยไม่จำกัดว่าจะเป็นเลือดเก่าหรือเลือดใหม่
"คนที่ลาออกจากพรรคไปหากต้องการกลับเข้ามชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคหรือเป็นกรรมการบริหารพรรคก็ต้องกลับมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคก่อน ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อบังคับพรรคคือต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี และต้องเป็นสมาชิกพรรคต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 2 ปี แต่ข้อหลังสามารถขอมติที่ประชุมยกเว้นการบังคับใช้ได้"
ด้านนายธนิตพล ไชยนันทน์ ผู้อำนวยการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แม้จะมีความเปลี่ยนแปลงแต่อุดมการณ์ของพรรคเหมือนเดิม พรรคพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้งแม้จะมีความกังวลเรื่องส.ส.ไหลออกจากพรรคบ้างก็ตาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายในพรรคประชาธิปัตย์มีกระแสเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค หรือนายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์เข้ามาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ซึ่งทั้งสองคนได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไปก่อนหน้านี้ โดยนายอภิสิทธิ์ประกาศเว้นวรรคทางการเมืองไม่มีความเคลื่อนไหวใดในทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่นายกรณ์ ออกไปตั้งพรรคการเมืองของตัวเองชื่อพรรค "กล้า" เมื่อปี 2563 แต่ไม่ประสบความสำเร็จทางการเมืองจึงลาออกจากพรรคไปสังกัดพรรคชาติพัฒนาในปี 2565 และเปลี่ยนชื่อพรรคเป็นพรรคชาติพัฒนากล้า โดยดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคพร้อมได้รับเลือกเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค แต่ไม่ได้ลงสมัครส.ส. ก่อนที่จะลาออกมาจากพรรคหลังการเลือกตั้งปี 2566