โครงสร้างธุรกิจไทยท้าทาย : รายย่อย 92% แต่ประสิทธิภาพต่ำ
สถิติแห่งชาติชี้ธุรกิจการค้า - บริการไทยกว่า 2.1 ล้านแห่ง รายได้รวมทะลุ 12.8 ล้านล้านบาท “ไมโครเอ็นเตอร์ไพรส์” ครองจำนวนเกือบ 92% แต่สร้างมูลค่าเพิ่มต่ำกว่า ขณะที่ค้าปลีกทำรายได้สูงสุด - เสนอรัฐเร่งยกระดับผู้ประกอบการรายย่อยสู่ความยั่งยืน
สำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) เผยผลการสำรวจธุรกิจการค้าและธุรกิจการบริการ พ.ศ. 2567 ซึ่งเป็นการเก็บข้อมูลจากสถานประกอบการตัวอย่างกว่า 28,700 แห่ง ครอบคลุมผลการดำเนินงานของปี 2566 พบว่า ภาคการค้าและการบริการของไทยมีสถานประกอบการรวมประมาณ 2.1 ล้านแห่ง สร้างงานให้คนไทยกว่า 7.3 ล้านตำแหน่ง และมีรายได้จากการดำเนินงานรวมสูงถึง 12,855.9 พันล้านบาท หรือกว่า 12.8 ล้านล้านบาท
โครงสร้างธุรกิจ: รายย่อยครองจำนวน แต่รายได้หลักมาจากกิจการขนาดเล็กและค้าปลีก
ข้อมูลสำคัญชี้ว่า ธุรกิจขนาดเล็กมากหรือ ไมโครเอ็นเตอร์ไพรส์ (Micro) ซึ่งมีพนักงานเพียง 1–5 คน ยังคงครองสัดส่วนสูงสุดถึง 91.9% ของจำนวนสถานประกอบการทั้งหมด ขณะที่ กิจการขนาดเล็ก (Small) มีสัดส่วน 7.6% ส่วน กิจการขนาดกลาง (Medium) และ กิจการขนาดใหญ่ (Large) มีเพียง 0.4% และ 0.1% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม แม้จำนวนกิจการรายย่อยจะมาก แต่เมื่อตรวจสอบด้านมูลค่าทางเศรษฐกิจพบว่า กลุ่ม Small Enterprise กลับสร้างผลการดำเนินงานสูงที่สุด โดยมีรายได้กว่า 5,415.1 พันล้านบาท และสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Added) 1,017.5 พันล้านบาท สะท้อนว่าธุรกิจที่มีโครงสร้างเล็กแต่มีการจัดการที่ดีและเข้าถึงตลาดที่ชัดเจน สามารถสร้างผลตอบแทนได้มากกว่ากลุ่มไมโครที่กระจายอยู่ทั่วประเทศแต่ยังมีข้อจำกัดในการเพิ่มประสิทธิภาพ
ในมิติของประเภทธุรกิจ ภาคการบริการ ครองสัดส่วนจำนวนสถานประกอบการสูงสุดที่ 48.8% ตามด้วย ค้าปลีก 44.4% และ ค้าส่ง 6.8% อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากรายได้ พบว่า ภาคค้าปลีก สร้างรายได้สูงสุดที่ 6,473.1 พันล้านบาท และสร้างมูลค่าเพิ่มกว่า 1,086.7 พันล้านบาท สะท้อนถึงความสำคัญของค้าปลีกต่อเศรษฐกิจในประเทศทั้งในมิติการจ้างงานและการสร้างมูลค่าเพิ่ม
การจ้างงานและค่าตอบแทน: ช่องว่างรายได้ยังชัดระหว่างธุรกิจขนาดใหญ่ - รายย่อย
การสำรวจระบุว่า ภาคการค้าและบริการจ้างแรงงานรวม 7.3 ล้านคน โดยในจำนวนนี้กว่า 4.1 ล้านคนเป็นลูกจ้าง ขณะที่ค่าตอบแทนแรงงานรวมทั้งระบบอยู่ที่ 742.8 พันล้านบาท หรือเฉลี่ย 182,513 บาทต่อคนต่อปี แต่เมื่อแยกตามขนาดธุรกิจพบความแตกต่างอย่างมาก
กิจการ ขนาดใหญ่ (Large) จ่ายค่าตอบแทนเฉลี่ยต่อคนสูงสุดที่ 278,401 บาท/ปี
กิจการ ขนาดกลาง (Medium) เฉลี่ย 218,071 บาท/ปี
กิจการ ขนาดเล็ก (Small) เฉลี่ย 180,653 บาท/ปี
กิจการ ไมโคร (Micro) เฉลี่ยเพียง 142,744 บาท/ปี
ในเชิงประเภทธุรกิจ ค้าส่ง จ่ายค่าตอบแทนเฉลี่ยสูงสุดที่ 222,022 บาท/ปี ตามด้วยบริการ และค้าปลีกตามลำดับ ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงช่องว่างทางรายได้ระหว่างกิจการรายย่อยกับกิจการที่มีขนาดใหญ่หรือใช้ทุนสูง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แรงงานส่วนใหญ่ในกลุ่มไมโครมีศักยภาพการเติบโตและคุณภาพชีวิตจำกัด
ภาพรวมผลการดำเนินงาน: มูลค่าเพิ่มรวม 2.75 ล้านล้านบาท
ในปี 2566 ธุรกิจการค้าและบริการของไทยมีผลการดำเนินงานโดยรวมดังนี้
รายได้จากการดำเนินงานรวม: 12,855.9 พันล้านบาท
ค่าใช้จ่ายขั้นกลาง: 10,102.5 พันล้านบาท
มูลค่าเพิ่มรวม (Value Added): 2,753.4 พันล้านบาท
แยกตามขนาดกิจการ Small Enterprise ทำรายได้สูงสุดและสร้างมูลค่าเพิ่มเกิน 1 ล้านล้านบาท ขณะที่ Large Enterprise แม้มีจำนวนน้อย แต่มีอัตราค่าจ้างเฉลี่ยสูงและสร้างผลตอบแทนต่อแรงงานมากกว่า ขณะที่ Micro Enterprise แม้เป็นกลุ่มหลักในเชิงจำนวน แต่มีสัดส่วนมูลค่าเพิ่มต่ำ สะท้อนปัญหาประสิทธิภาพการดำเนินงานและข้อจำกัดในการแข่งขัน
ในมิติภาคธุรกิจ ค้าปลีก ยังคงเป็นกลไกหลักของเศรษฐกิจไทย โดยสร้างรายได้และมูลค่าเพิ่มมากที่สุด ขณะที่ ภาคบริการ แม้มีจำนวนสถานประกอบการสูงสุด แต่สร้างรายได้และมูลค่าเพิ่มรวมรองลงมา ส่วน ค้าส่ง แม้มีสัดส่วนจำนวนน้อย แต่จ่ายค่าตอบแทนเฉลี่ยต่อคนสูงที่สุด
สัญญาณเชิงนโยบาย: เร่งยกระดับธุรกิจรายย่อยและแรงงาน
ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจและนโยบาย SME ชี้ว่าข้อมูลนี้สะท้อนความท้าทายสำคัญคือ โครงสร้างธุรกิจไทยที่กระจุกตัวในรายย่อยจำนวนมากแต่มีประสิทธิภาพต่ำ หากปล่อยให้ช่องว่างนี้ขยายออกไป จะกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และอาจจำกัดรายได้แรงงานในระยะยาว
มาตรการเชิงนโยบายที่ควรถูกผลักดัน ได้แก่
สนับสนุน การรวมกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อต่อรองด้านต้นทุนและการจัดหาวัตถุดิบ
ช่วยให้เข้าถึง เทคโนโลยีและเครื่องจักร เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
พัฒนาทักษะ แรงงานและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ โดยเฉพาะด้านการจัดการธุรกิจและการตลาดดิจิทัล
เปิดทางสู่ ตลาดใหม่และแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อเพิ่มช่องทางจำหน่ายและสร้างมูลค่าเพิ่ม
สนับสนุน การเข้าถึงสินเชื่อและแหล่งทุน สำหรับกิจการขนาดเล็กให้สามารถปรับตัวและขยายกิจการได้
ข้อมูลนี้จึงไม่เพียงสะท้อนภาพรวมโครงสร้างธุรกิจไทยในปัจจุบัน แต่ยังเป็นฐานข้อมูลเชิงนโยบายที่ภาครัฐและภาคเอกชนสามารถนำไปออกแบบโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยและแรงงานได้อย่างตรงจุด เพื่อให้ภาคการค้าและบริการ - ซึ่งเป็นกลไกสำคัญกว่า 12 ล้านล้านบาทต่อปี - มีศักยภาพในการแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
(ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติ - ผลการสำรวจธุรกิจการค้าและบริการ พ.ศ. 2567 ข้อมูลปีฐาน 2566)