เล็งเพิ่มเงินคนละครึ่งเป็น 60:40 - รถไฟฟ้า 20 บาท ส่อแท้ง
วันที่ 9 ก.ย.68 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวภายหลังสมาคมภัตตาคาร ร้านอาหารแห่งประเทศไทย และผู้บริหารแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ในไทย อาทิ LINE MAN Wongnai Grab เข้าพบคณะทำงานพรรคภูมิใจไทย เกี่ยวกับโครงการคนละครึ่ง ว่า ภาคเอกชนแสดงความพร้อมที่จะสนับสนุนโครงการ โดยยินดีที่จะแชร์ข้อมูลร้านอาหาร ให้กับกระทรวงการคลัง เพื่อจัดทำฐานข้อมูล ซึ่งจะช่วยให้ผู้ที่เคยใช้โครงการจากแพลตฟอร์มเดิม ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ นอกจากนี้ ยังรับฟังปัญหาโครงการเก่า เช่น หลักเกณฑ์เงื่อนไขที่มากไป วงเงิน ระยะเวลาการใช้ที่เหมาะสม การเก็บภาษีย้อนหลัง ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าจะไม่เก็บภาษีย้อนหลัง และอาจมีสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมสำหรับผู้เสียภาษี
นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ทางแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ ยินดีที่จะมอบส่วนลดพิเศษสำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งโดยจะนำข้อเสนอนำเรียน ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง เพื่อทำการบ้านไว้รอก่อน หลังจากแถลงนโยบายและประชุมคณะรัฐมนตรีจะเริ่มต้นทำให้เร็วที่สุด โดยจะใช้ระบบที่มีอยู่เดิม และอาจมีการปรับปรุงเล็กน้อย
ส่วนที่มีข้อเสนอให้เพิ่มวงเงินมากขึ้นเราก็รับข้อเสนอ แต่ด้วยการเป็นรัฐบาลช่วงรอยต่อ เงินที่เหลือคงคลังมีไม่มาก และนโยบายของนายกฯ จะไม่มีการกู้เพิ่ม เพราะหนี้สาธารณะสูง ทำให้ทรัพยากรเงิน เวลามีจำกัด อาจได้ไม่ถึงตามที่เสนอมา แต่ยืนยันว่าไม่น่าเกลียดสามารถที่จะขับเคลื่อนได้ ซึ่งเอกชนเสนอ 200 บาทต่อวัน ครั้งนี้จะขยายสิทธิ์และเพิ่มจำนวนด้วย ซึ่งจะไปหารือในที่ประชุมทีมเศรษฐกิจพรรคอีกครั้ง และจะรายงานต่อนายกรัฐมนตรี ให้พิจารณาว่าจะหาเงินมาจากไหน
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าพร้อมสานต่อนโยบายรัฐบาลเก่าที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนไม่ได้คิดว่าเป็นการลอกหรือก๊อปปี้นโยบายพรรคไหน สำหรับโครงการคนละครึ่งเท่าที่หารือกับว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาจจะปรับเป็น 60 : 40 สำหรับกลุ่มผู้เสียภาษีเพื่อใช้เป็นมาตรการจูงใจ ส่วนกลุ่มที่ไม่ได้เสียภาษีก็จะเป็นคนละครึ่งตามเดิม แต่เรื่องนี้ยังเป็นแค่แนวคิดต้องดูรายละเอียดกันอีกครั้งเพื่อไม่ให้ขัดต่อกฎหมายและวินัยการเงินการคลัง
ส่วนโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายนั้น ก็เป็นนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน แต่คงต้องพิจารณาให้รอบคอบ หลักการคือเมื่อทำแล้วนโยบายต้องพึ่งพาตัวเองได้ ถ้าต้องใช้งบประมาณไปอุดหนุนทุกปีจะส่งผลต่อวินัยการคลังได้
