สคบ. เตือน "ธุรกิจขายตรง-ตลาดแบบตรง" รายได้เกิน1.8 ล้าน/ปี ต้องจดทะเบียนกับ สคบ.
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ยืนยันดำเนินการกำกับดูแลธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรงอย่างต่อเนื่องและเข้มข้น แม้ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงภาครัฐ โดยเตือนให้ผู้ประกอบธุรกิจที่มีรายได้เกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดทะเบียนกับ สคบ. และส่งรายงานผลจดทะเบียนธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง ให้ครบถ้วน หากฝ่าฝืนอาจถูกเพิกถอนทะเบียนได้อย่างจริงจัง
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 19 สิงพาคม 2568 สคบ. จัดประชุมผู้ประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรงเพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการรายงานการประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรงโดยปัจจุบันมีผู้ประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง จำนวนกว่า 2,900 ราย ต้องรายงานบัญชีประกอบธุรกิจต่อ สคบ. ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการได้ส่งหนังสือถึงผู้ประกอบธุรกิจขายตรง รายงานบัญชี
ผลการประกอบธุรกิจ ณ สิ้นปีบัญชี หากไม่ส่งรายงานบัญชีผลประกอบการธุรกิจนับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือจาก สคบ. ภายใน 30 วัน จะถูกเพิกถอนใบอนุญาตการประกอบธุรกิจ ขณะเดียวกันยังมีผู้ประกอบธุรกิจที่ยื่นขอรับใบอนุญาตขายตรงและตลาดแบบตรง รายใหม่อีกจำนวนกว่า 500 ราย อยู่ระหว่างการตรวจสอบประวัติและดำเนินการให้ผู้ประกอบธุรกิจจัดส่งเอกสารเพิ่มเติมประกอบการพิจารณาออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง ซึ่งการดำเนินการนี้เพื่อกำกับดูแลการประกอบธุรกิจภายหลังจากที่ได้รับการจดทะเบียนให้ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย ถือเป็นหลักประกันในการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภครวมทั้งการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค
สคบ. พร้อมจะเป็นที่พึ่งให้กับผู้บริโภค สามารถขอคำปรึกษาได้ที่สายด่วน 1166 ร้องเรียนผ่านแอปพลิเคชัน OCPB Connect หรือ เว็บไซต์ www.ocpb.go.th และสามารถยืนเรื่องร้องเรียนได้ทีคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัด ทุกจังหวัดหรือตามองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใกล้บ้านรวมถึงเมืองพัทยาและสำนักงานเขตทุกแห่งในกรุงเทพมหานคร ตลอดจนช่องทางการร้องทุกข์ ผ่านระบบ Traffy Fondue (ทราฟฟี่ ฟองดูว์) เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก รวดเร็ว ไม่เพิ่มภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้กับผู้บริโภค