“อนุทิน” ยันไม่มีข้อเสนอนั่งนายกฯ ชั่วคราวเพื่อเตรียมยุบสภา
วันที่ 3 กรกฎาคม 2568 ที่อาคารรัฐสภา มีการประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เข้าร่วมประชุมเป็นนัดแรกร่วมกับ พรรคประชาชน พรรคพลังประชารัฐ พรรคไทยสร้างไทย และพรรคเป็นธรรม อย่างเป็นทางการ
นายอนุทิน กล่าวถึงกระแสข่าวจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีชั่วคราวก่อนการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ว่า ยังไม่ได้คุยอะไรในเรื่องนี้ สถานการณ์ตอนนี้ไม่ว่าใครมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็มีหน้าที่คลี่คลายสถานการณ์ก่อนยุลสภาเพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจทางการเมืองอีกครั้ง ทั้งนี้ยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยพร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ เน้นการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาเพื่อประโยชน์ของประชาชน ไม่เน้นสร้างความขัดแย้ง
ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ยืนยันจุดยืนเดิมของพรรคท่ประกาศไว้ตั้งแต่แรกว่าจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลเด็ดขาด แม้จะมีบางกลุ่มในพรรคพยายามเคลื่อนไหวให้ไปร่วมรัฐบาล
"เรามีจุดยืนที่จะพัฒนาการเมืองไทยให้ดีขึ้นอย่างแท้จริงไม่ใช่เพื่อตำแหน่งหรือผลประโยชน์" คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวพร้อมระบุว่า รู้สึกผิดหวังที่มีบางคนแอบอ้างชื่อพรรคไปต่อรองขอตำแหน่งในรัฐบาล เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นหากยังมีสำนึกควรลาออกจากพรรค จากนี้ไปจะใช้กระบวนการตามข้อบังคับพรรคเพื่อดำเนินการกับคนเหล่านี้ ทั้งนี้ขอชื่นชม “ส.ส.ชัชวาล แพทยาไทย” จากร้อยเอ็ด ที่ยังคงยืนหยัดอยู่กับพรรคไทยสร้างไทยอย่างมั่นคงโดยไม่มีความคิดจะย้ายไปไหน
ด้านพรรคประชาชนออกแถลงการณ์ประกาศ จุดยืนของพรรคต่อการหาทางออกสำหรับประเทศ หากนายกฯ แพทองธารพ้นตำแหน่ง โดยระบุว่า
ท่ามกลางปัญหาด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงที่รุมเร้าประเทศ รวมถึงสภาวการณ์ทางการเมืองที่มีความไม่แน่นอนสูง พรรคประชาชนมีจุดยืนดังต่อไปนี้ เพื่อนำพาประเทศไปสู่ทางออกที่จะเป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับประชาชนทุกคน
1. พรรคประชาชนเห็นว่าสิ่งที่ประเทศต้องการมากที่สุด คือรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีความชอบธรรมทางการเมือง ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากประชาชน และสามารถตั้งทีมบริหารจากความรู้ความสามารถ ไม่ใช่จากการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง
2. พรรคประชาชนเห็นว่ารัฐบาลที่จะมีคุณสมบัติดังกล่าว จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากสมการทางการเมืองของสภาชุดปัจจุบัน ทางออกสำหรับประเทศจึงเป็นการจัดให้มี “การเลือกตั้งใหม่” โดยเร็ว เพื่อให้ประเทศมีรัฐบาลที่มีคุณสมบัติดังกล่าว
3. พรรคประชาชนยืนยันว่า หนทางที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ได้อย่างเรียบง่ายที่สุด คือการที่รักษาการนายกฯ ประกาศให้ชัดเจนว่าจะใช้อำนาจที่ตนเองมี ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนผ่านคูหาเลือกตั้ง
4. พรรคประชาชนเห็นว่า หากรักษาการนายกฯ ไม่เลือกที่จะดำเนินการดังกล่าวและมีเหตุใดที่ทำให้นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่ง กระบวนการในการเลือกนายกฯ คนใหม่ จะต้องนำไปสู่การได้มาซึ่งนายกฯ ที่พร้อมเดินหน้าสู่การยุบสภา
5. พรรคประชาชนยืนยันเหมือนที่เคยยืนยันมาโดยตลอด ว่าเราจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านไปจนถึงการเลือกตั้งครั้งใหม่ แต่เพื่อให้ประเทศไม่ถูกบีบไปสู่ทางตันหรือการใช้อำนาจนอกครรลองประชาธิปไตย เราพร้อมจะพิจารณาลงมติให้กับผู้เสนอตัวเป็นนายกฯ คนใหม่คนใดก็ตาม ที่ยอมรับ “เงื่อนไข” ในการเป็นเพียงรัฐบาลชั่วคราวที่มีภารกิจในการเดินหน้าสู่การยุบสภา โดยทางพรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลและจะไม่มีใครจากพรรคประชาชนไปเป็นรัฐมนตรี
6. “เงื่อนไข” ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา สำหรับนายกฯ คนใหม่ จะต้องประกอบไปด้วยอย่างน้อย
6.1. การประกาศเส้นตายว่าจะยุบสภาภายในสิ้นปี
6.2. การยืนยันภารกิจเฉพาะหน้าที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว (เช่น การดำเนินการให้มีการจัดประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง เพื่อถามประชาชนเรื่องการมี สสร. มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ / การคลี่คลายสถานการณ์กรณีพิพาทไทย-กัมพูชาเฉพาะหน้า / การทำให้งบประมาณที่จำเป็นต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและแก้ปัญหาปากท้องประชาชนไม่ต้องสะดุดลงเพราะการเลือกตั้ง)
7. หากมีผู้ใดที่ตอบรับ “เงื่อนไข” ดังกล่าว แต่ไม่ทำตามคำพูดที่ให้ไว้กับประชาชน พรรคประชาชนจะใช้เสียงของ สส. ทั้ง 142 คน และทุกกลไกของสภา เพื่อล้มรัฐบาลที่ผิดสัญญากับประชาชนโดยทันที
ในทุกวิกฤตการณ์ทางการเมือง ทางออกสำหรับประเทศตามครรลองประชาธิปไตยมีอยู่เสมอ โดยหากนักการเมืองรักษาคำพูดตนเองและพรรคการเมืองทำงานโดยเอาวาระส่วนรวมเป็นตัวตั้ง ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบการเมืองและระบอบประชาธิปไตยมีแต่จะแข็งแรงและหนักแน่นขึ้น