“กู้ดอกต่ำ-ผ่อนนาน-พักหนี้” 7 สถาบันการเงินรัฐช่วยบรรเทาความเดือดร้อนผู้ได้รับผลกระทบไทย - กัมพูชา
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยผ่านเฟสบุ๊ค พิชัย ชุณหวชิร - Pichai Chunhavajira เกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ข้อพิพาทชายแดนไทย - กัมพูชา ระบุ จากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นจากเหตุปะทะกันระหว่างกำลังความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ได้ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ และขยายวงกว้างไปสู่ภาคเศรษฐกิจและสังคมในระดับชุมชนโดยรอบ
ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ การประกอบอาชีพ และการดำเนินธุรกิจของประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก
ในการนี้ รัฐบาลตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นและให้ความสำคัญกับการดูแลประชาชนในพื้นที่โดยเร่งด่วน โดยได้มอบหมายให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจดำเนินมาตรการด้านการเงินเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น ซึ่งครอบคลุมทั้งมาตรการพักชำระหนี้ มาตรการลดอัตราดอกเบี้ย และมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างครอบคลุมแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจาสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนมีรายละเอียดดังนี้ครับ
ธนาคารออมสิน
จัดทำมาตรการช่วยเหลือผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ประกอบด้วย
1. มาตรการพักชำระเงินต้น
สำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จนถึงงวดเดือนธันวาคม 2568 และให้จ่ายดอกเบี้ยเพียงบางส่วน เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระหนี้
2. มาตรการสินเชื่อเพื่อรายย่อย จำนวน 2 โครงการ ได้แก่
• สินเชื่อเพื่อช่วยเหลือสำหรับประชาชนรายย่อยระยะเวลาผ่อนชำระ 12 เดือน ปลอดชำระเงินงวด 3 เดือนแรก ดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 0.60 ต่อเดือน
• สินเชื่อเพื่อประกอบอาชีพสำหรับประชาชนรายย่อยระยะเวลาผ่อนชำระ 60 เดือน ดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 0.75 ต่อเดือน
3. สินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ SMEs
วงเงินกู้ต่อรายไม่เกิน 5 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 7 ปี ปลอดชำระเงินงวดไม่เกิน 1 ปี อัตราดอกเบี้ย
• ปีที่ 1 = MLR – ร้อยละ 2.65
• ปีที่ 2 เป็นต้นไป = MLR ยกเว้น ค่าธรรมเนียม Front End Fee และ Prepayment Fee
สามารถแสดงความประสงค์ขอเข้าร่วมมาตรการผ่านทางเว็บไซต์ของธนาคารออมสิน หรือติดต่อสาขาของธนาคารออมสินในพื้นที่ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
จัดทำมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ประกอบด้วย
1. โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ปี 2568
วงเงินต่อรายไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบัน MRR = 6.725% ต่อปี) ระยะเวลากู้ไม่เกิน 3 ปี ปลอดชำระดอกเบี้ยใน 6 เดือนแรก
2. โครงการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต
เพื่อซ่อมแซมบ้านเรือน ทรัพย์สิน และอุปกรณ์การเกษตร วงเงินต่อรายไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR – 2 ต่อปี ระยะเวลากู้ไม่เกิน 15 ปี
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
วงเงินโครงการ 200 ล้านบาท
1. ผู้กู้บาดเจ็บสาหัส หรือที่อยู่อาศัยเสียหาย ดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี (5 ปีแรก)
2. ผู้กู้ทุพพลภาพถาวรหรือเสียชีวิต หรือบ้านเสียหายทั้งหลัง ดอกเบี้ย 0.01% ตลอดอายุสัญญา
3. กู้เพื่อปลูกสร้างอาคารใหม่ 6 เดือนแรก ดอกเบี้ย 0% เดือน 7–12 ดอกเบี้ย 0.50% ปีที่ 2 เป็นต้นไป เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของธอส. ยื่นคำขอได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 ธ.ค. 2567
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ธพว.)
“พัก ลด ขยาย เติม” เพื่อช่วย SME
1. พักชำระเงินต้น
2. ลดค่างวด
3. ขยายเวลาชำระหนี้
4. เติมทุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เช่น
• ปลุกพลัง SME
• Beyond ติดปีก SME
ดอกเบี้ยคงที่ 3% / ปี กู้สูงสุด 10 ปี
5. สินเชื่อ SME Refinance
ดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.99% / ปี
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.)
1. ขยายเวลาชำระหนี้สูงสุด 365 วัน ลดดอกเบี้ยสูงสุด 20% เพิ่มวงเงินชั่วคราว 1 ปี สูงสุด 30% ดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.99% / ปี
2. เสริมสภาพคล่องและลดต้นทุน
• EXIM-DITP Empower Financing → 6.15%
• EXIM Export Booster → เริ่มต้น 3.99%
• EXIM Safe Trade → เริ่มต้น 3.99% + ประกันความเสี่ยง
• Export Credit Insurance → ยกเว้นค่าวิเคราะห์
• ร่วมประกันสังคม → ดอกเบี้ยคงที่ 2% / ปี (3 ปี)
• Transformation Loan → ดอกเบี้ยเฉลี่ย SMEs = 5.68%
ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.)
มาตรการ “ไอแบงก์เราไม่ทิ้งกัน”
1. พักชำระเงินต้นและกำไร สูงสุด 6 เดือน ขยายได้ไม่เกิน 12 เดือน
2. วงเงินเพิ่มเพื่อซ่อมแซม/ฟื้นฟู
• เพื่ออยู่อาศัย → ดอกเบี้ยเริ่ม 1.99% / ปีแรก วงเงินไม่เกิน 1 ลบ. กู้สูงสุด 20 ปี
• เพื่อธุรกิจ → ดอกเบี้ยเริ่ม 3.25% / ปีแรก วงเงินไม่เกิน 5 ลบ. กู้สูงสุด 5 ปี
บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)
1. มาตรการช่วยลูกค้าเดิม
• พักชำระค่าธรรมเนียม 6 เดือน
• พักชำระค่างวด 3 เดือน
2. โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS11 “บสย. SMEs ยั่งยืน”
• SMEs Power Trade & Biz วงเงินค้ำ 3,000 ลบ. / ราย 5 แสน – 10 ลบ.
• SMEs Micro Biz วงเงินค้ำ 2,000 ลบ. / ราย 1 หมื่น – 5 แสนบาท
กระทรวงการคลังให้ความสำคัญกับการบรรเทาผลกระทบในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยมุ่งช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เพียงพอในการดำรงชีวิต ประกอบอาชีพ และฟื้นฟูกิจการอย่างต่อเนื่อง
มาตรการที่จัดทำขึ้นครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายอย่างทั่วถึง ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อย และประชาชนทั่วไปในพื้นที่ รวมถึงสามารถช่วยลดภาระต้นทุน เสริมสภาพคล่อง และสนับสนุนการปรับปรุง ซ่อมแซม หรือฟื้นฟูทรัพย์สิน เช่น อาคาร โรงงาน และเครื่องจักร ให้สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้ที่ได้รับผลกระทบสามารถขอรับความช่วยเหลือผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่เกี่ยวข้องได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยกระทรวงการคลังจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมที่จะออกมาตรการเพิ่มเติมอย่างเหมาะสมได้ทันท่วงทีต่อไป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
• ธนาคารออมสิน: 02 299 800 / สายด่วน 1115
• ธ.ก.ส.: 02 555 0555
• ธอส.: 02 645 9000
• ธพว.: 02 265 3000 / สายด่วน 1357
• ธสน.: 02 169 9999
• ธอท.: 02 650 6999 / สายด่วน 1302
• บสย.: 02 890 9999