Header Ads

“แรงงานทักษะสูง” ความท้าทายการจัดการศึกษาไทย


จากผลการสำรวจของสำนักงานสภานโยบาย การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.)  ที่ร่วมกับ บริษัท ไอริส คอนซัลติ้ง จำกัด  ที่บ่งชี้ถึงความต้องการแรงงานในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10 กลุ่ม สะท้อนให้เห็นว่าภาคการศึกษาไทยต้องเร่งปรับตัวให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานและสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศ

ถือว่าเป็นความท้าทายที่น่าสนใจทั้งระดับนโยบายและระดับปฏิบัติ เพราะการสำรวจครั้งนี้ไม่ใช่แค่การถามตอบ แต่เป็นการ สำรวจทั้งเชิงปฐมภูมิ (สัมภาษณ์เชิงลึกกว่า 300 องค์กร) และเชิงทุติยภูมิ ครอบคลุม 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ ดิจิทัล, ยานยนต์สมัยใหม่, อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ, การบินและโลจิสติกส์, การแพทย์ครบวงจร, ท่องเที่ยวระดับพรีเมียม, สร้างสรรค์, แปรรูปอาหาร, พลังงานชีวภาพ และเกษตร-เทคโนชีวภาพ 

ผลการสำรวจพบความต้องการ “Critical Job Positions” กว่า 1,087,448 ตำแหน่ง ในระยะ 5 ปี ‑ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ (440,573 ตำแหน่ง) และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ + หุ่นยนต์ (226,423 ตำแหน่ง) จึงถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ผู้เกี่ยวข้องต้องนำไปขบคิดโดยเฉพาะ 3 เสาหลักในการผลิตบุคลากรให้ทันต่อความต้องการอันประกอบด้วย

1. ภาครัฐ: วางโครงสร้างเชิงระบบและนโยบายเร่งด่วน

ใช้ข้อมูลเชิงลึกจากการสำรวจเป็น ฐานออกนโยบายเร่งด่วน เช่น เพิ่มงบ R&D, จัดภาษีจูงใจให้ทุนภาคเอกชนลงทุนพัฒนาคน และเปิด “Training Sandbox” เพื่อทดลองปรับหลักสูตรแบบ สร้างระบบติดตาม จับตาความเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานอย่างใกล้ชิด ควบคู่กับอัปเดตหลักสูตรอุดมศึกษา - อาชีวะ ให้เท่าทันเทคโนโลยีและการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจ BCG

2. มหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษา: ปรับโครงสร้างหลักสูตรรอบด้าน

สร้างความร่วมมือแบบ Co‑creation กับภาคอุตสาหกรรม เช่น มีคณะกรรมการร่วมกำหนดหลักสูตร และฝึกงานจริงในโรงงานหรือบริษัทตั้งแต่ปี 3

เพิ่มคอร์สสหสาขา (interdisciplinary) เช่น Data Science + Engineering + Business เพื่อผลิตบัณฑิตที่ตอบโจทย์ตำแหน่ง Critical

เปิดโมเดล “Higher Education Sandbox” ทดลองหลักสูตรยืดหยุ่น เช่น เรียนสั้น เข้าใจเร็ว และเรียนรู้ผ่านโปรเจกต์จริง 

3. ภาคเอกชน: สะท้อนความต้องการจริงและสนับสนุนการฝึกจริง

ด้านผู้ประกอบการควรเข้ามีส่วนร่วมเชิงรุก ตั้งแต่การให้ข้อมูลแนวตลาด ตำแหน่งที่ขาดแคลน และร่วมออกแบบหลักสูตรอย่างจริงจัง

เปิดรับพนักงานฝึกงานเต็มระบบ มีระบบ mentorship และจัดงบพัฒนา Training & Upskilling เช่น ฝึก FQ, OQ, Soft Skills ที่มุ่งผลลัพธ์จริง

ให้ทุน-รางวัลกับนักศึกษาและบุคลากรที่สร้างนวัตกรรม ปรับใช้จริงในภาคอุตสาหกรรม เช่น นวัตกรรมอาหารเพื่ออนาคต, AI ในการบิน, Biomaterials ฯลฯ

โดยต้องมีแผนเดินหน้า 5 ปี และกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจน เช่น

ช่วงเวลา    กลุ่มเป้าหมาย กิจกรรมเร่งด่วน

ปี 1‑2     รัฐ-อุดมศึกษา ออกมาตรการภาษี, สร้างพันธมิตรหลักสูตร, เริ่มจัดฝึกแบบ Co‑learning

ปี 2‑4    มหาวิทยาลัย-ธุรกิจ ขยายหลักสูตรเชิงประยุกต์, ฝึกงานเชิงลึก, เปิดหลักสูตรสั้นเชิงทักษะสูง

ปี 4‑5    ทุกภาคส่วน          ทบทวนผล, ปรับปรุงหลักสูตร, ขยายผลโมเดลสำเร็จสู่ระดับชาติ

ข้อเสนอเชิงนโยบายเชิงปฎิบัติ

ตั้งกองทุนร่วมภาค (public-private fund) สนับสนุนโครงการพัฒนาทักษะสูง

จัดตั้งศูนย์ติดตามกำลังคน ใช้ข้อมูล real-time ลงลึกระดับตำแหน่งงาน

เปิดช่องทางอุดมศึกษาเปิดรับหลักสูตรนอกระบบ ส่งเสริม MOOC, micro-credential

ขยายโครงการ “University Holding Company” และ sandbox หลักสูตรสหสาขา

ผลสำรวจฯ ของ สอวช. และ ไอริส คอนซัลติ้ง ได้ชี้ชัดแล้วว่า ภายในห้าปีข้างหน้า ไทยขาดแคลนบุคลากรทักษะสูงกว่า หนึ่งล้านตำแหน่ง ในอุตสาหกรรมศักยภาพ หากรัฐบาล มหาวิทยาลัย และภาคเอกชน ไม่เร่งสร้างกำลังคนไว้รองรับที่ชัดเจนและร่วมมือกันอย่างจริงจัง กระบวนการผลิตบุคลากรอาจไม่ทันต่อความต้องการ และเศรษฐกิจไทยอาจพลาดช่วงโอกาสในการก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง

แนวทางเชิงนโยบายดังกล่าวจึงไม่ใช่แค่ “ตัวเลือก” แต่คือ “ทางรอดแห่งชาติ” ที่ต้องเดินไปพร้อมกัน และเดินอย่างรวดเร็วที่สุด

--------------------------

นำเสนอบทความโดย / นายนิรนาม / เว็บไซต์ โลกธุรกิจ / เผยแพร่ 29 มิถุนายน 2568

Theme images by fpm. Powered by Blogger.