“หมดหวัง-เบื่อหน่าย” คะแนนดัชนีการเมืองไทยต่ำสุดในรอบปี

สวนดุสิตโพลเผยผลสำรวจ "ดัชนีการเมืองไทย" ประจำเดือนพฤษภาคม 2568 สะท้อนภาพชัดเจนว่า "ความเชื่อมั่นต่อการเมืองไทย" อยู่ในภาวะถดถอย โดยดัชนีเฉลี่ยลดเหลือเพียง 4.70 จากคะแนนเต็ม 10 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเดือนเมษายน (4.82) และลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สามติดต่อกัน

ปัจจัยหลักที่ฉุดคะแนนดัชนีลง คือ ภาวะเศรษฐกิจแย่-ความยากจนเรื้อรัง-ราคาสินค้าพุ่ง ซึ่งล้วนได้คะแนนต่ำสุดในตัวชี้วัดทั้งหมด ขณะที่ภาพรวมการทำงานของรัฐบาลรวมถึงผลงานนายกรัฐมนตรีก็อยู่ในระดับต่ำกว่า 5 คะแนน

นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ชี้ว่า คะแนนดัชนีที่ลดลงต่อเนื่องอาจสะท้อน “ความเบื่อหน่ายและหมดหวัง” ของประชาชนต่อการเมือง ท่ามกลางความไม่ชัดเจนในนโยบาย ความขัดแย้งภายในรัฐบาล และการวิพากษ์งบประมาณปี 2569 ที่ถูกตั้งคำถามถึงความโปร่งใส

ขณะที่ฝ่ายวิชาการอย่าง รองศาสตราจารย์ ดร.เขมภัทท์ เย็นเปี่ยม ระบุว่า รัฐบาลยังไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม ขณะที่ฝ่ายค้านมีบทบาทโดดเด่นกว่าในสายตาประชาชน โดยเฉพาะบทบาทการตรวจสอบการใช้งบประมาณและโครงการภาครัฐ

ทั้งนี้นี้ ผลสำรวจยังพบว่านักการเมืองรัฐบาลที่มีบทบาทโดดเด่น ได้แก่ แพทองธาร ชินวัตร (40.87%) นักการเมืองฝ่ายค้านที่โดดเด่นที่สุด ได้แก่ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (50.79%) ผลงานฝ่ายค้านที่ประชาชนชื่นชมมากที่สุด คือ การตรวจสอบความไม่โปร่งใสของรัฐบาล (48.62%) ขณะที่ผลงานรัฐบาลที่ได้เสียงตอบรับมากที่สุด คือ การเร่งแก้ปัญหาท่องเที่ยว (37.55%)

ผลสำรวจนี้จึงเป็นสัญญาณเตือนแรงว่า หากรัฐบาลยังไม่สามารถ “ตีโจทย์ปากท้อง” ได้ตรงจุด ความเชื่อมั่นทางการเมืองอาจเข้าสู่ภาวะวิกฤติในอนาคตอันใกล้