ไฟขัดแย้ง “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” สัญญาณปรับ ครม. หรือยุบสภา?
คอลัมน์ จับกระแสการมือง โดยนายนิรนาม..เว็บไซต์โลกธุรกิจ..เผยแพร่ 2 มิถุนายน 2568
จะมีการปรับ ครม. หรือไม่? พรรคภูมิใจไทยจะยังอยู่หรือหลุดวงโคจร?
แนวโน้ม : ปรับ ครม. มีแน่ แต่จะเป็น ‘เกมยื้อ’ มากกว่า ‘เกมล้ม’
จากแหล่งข่าวระดับสูงในทำเนียบรัฐบาลและจากฝั่งพรรคร่วมรัฐบาล การปรับคณะรัฐมนตรีมีแนวโน้มเกิดขึ้นภายใน ไตรมาส 3 ปี 2568 โดยเฉพาะเมื่อเสียงเรียกร้องจากฐานเสียงพรรคเพื่อไทยกดดันอย่างหนักว่า "ถึงเวลาแล้ว" ที่จะต้องมีบทบาทกำกับนโยบายในเชิงรูปธรรมมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การโยกกระทรวงใหญ่และทรงพลังอย่างมหาดไทยจากมือพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งในเชิง สมดุลอำนาจ และในแง่ของ เสถียรภาพการเมือง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล ตอบโต้ชัดเจนว่า พรรคภูมิใจไทยคือ "เสาค้ำ" ของรัฐบาล หากขาดออกไป รัฐบาลอาจจะ “อยู่ได้ไม่จนครบเทอม” นี่ไม่ใช่แค่คำพูดขู่ แต่สะท้อนว่า ภูมิใจไทยมี “แต้มต่อ” ในเกมอำนาจด้วยจำนวน ส.ส. และฐานสนับสนุนในพื้นที่ต่างจังหวัดที่ยังแข็งแรง
ปรับ ครม. มีแน่ แต่จะเป็นการ “แลกกระทรวง” มากกว่าการ “ปลดถอน”
พรรคภูมิใจไทยอาจ ยอมถอยเชิงยุทธศาสตร์ เช่น สลับไปถือกระทรวงคมนาคมหรือสาธารณสุข แลกกับการรักษา “เก้าอี้ในรัฐบาล” เพื่อยื้อเกมให้อยู่ครบวาระ
หากเพื่อไทยพลาดเก้าอี้มหาดไทย : ความเสียหายจะตกที่ใคร?
มิติทางการเมืองของคำว่า “ทวงเก้าอี้” โดยนายทักษิณ ไม่ใช่เรื่องปกติของภาษาการเมืองไทย แต่มาจากความไม่พอใจที่พรรคเพื่อไทยไม่สามารถ "บังคับทิศทาง" ของนโยบายในพื้นที่ผ่านกลไกของกระทรวงมหาดไทยได้
หาก เพื่อไทยไม่สามารถช่วงชิงเก้าอี้นี้คืนได้จริง ย่อมเกิดแรงกระเพื่อมในพรรคเอง ทั้งในกลุ่มคนใกล้ชิดทักษิณ และกลุ่ม ส.ส.ภาคอีสาน-เหนือ ที่รอใช้นโยบายเพื่อ “ปูทาง” สู่การเลือกตั้งครั้งหน้า
ความน่าเชื่อถือของนายทักษิณ ในฐานะ “ผู้นำเงา” และ “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” ในพรรคเพื่อไทย จะถูกท้าทายอย่างรุนแรง และเป็นสัญญาณว่า บารมีที่เคยกุมทิศทางการเมือง อาจอ่อนแรงลงภายใต้เงื่อนไขของการเมืองแนวประนีประนอม
จับสัญญาณยุบสภา? จากปัญหาพรรครวมไทยสร้างชาติและการเคลื่อนไหวของ ส.ส.
กรณี พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่กำลังเผชิญการแยกตัวของ ส.ส. ไปสังกัดพรรคอื่น เป็น “สัญญาณอ่อน” ของการเตรียมพร้อมรับการเลือกตั้ง แต่ยังไม่ใช่ตัวบ่งชี้ตรงๆ ว่าจะยุบสภาในทันที
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองจากเงื่อนไขตามกฎหมายการเลือกตั้งที่ ส.ส. ต้องสังกัดพรรคใหม่ภายใน 90 วันก่อนวันเลือกตั้ง กรอบเวลาในการเปลี่ยนแปลงการเมือง “ในเชิงนาฬิกา” จึงต้องเกิด ภายในไตรมาสแรกของปี 2569
ดังนั้น หากจะยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่เร็วจริง ช่วงต้นปี 2569 คือจุดตัด และสัญญาณของการเคลื่อนไหวในตอนนี้อาจเป็นการเผื่อเวลา "เซ็ตเกมล่วงหน้า"
ประเด็นอื่นที่น่าจับตา
แรงกดดันจากประชาชนต่อผลงานรัฐบาล : คะแนนนิยมของรัฐบาลเริ่มลดลงในหมู่คนรุ่นใหม่และกลุ่มเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะเมื่อยังไม่มีนโยบาย “กินได้จริง” ส่งตรงถึงมือประชาชน การเปลี่ยนรัฐมนตรีบางกระทรวงอาจเป็นกลยุทธ์ “หันเรือ” ทางการเมือง
การกลับมาของ ‘กลุ่มทุนการเมือง’ โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์และพลังงาน ที่อาจใช้จังหวะนี้ “บุกทำเนียบ” ผ่านการจัดสรรเก้าอี้ใหม่ ทำให้การปรับ ครม. ครั้งนี้ อาจไม่ใช่แค่เรื่องพรรคการเมือง แต่เป็นเรื่องของ ‘กลุ่มผลประโยชน์’ ด้วย
แนวโน้มความน่าจะเป็น
การปรับ ครม. มีแนวโน้มสูง แต่จะเป็นการเจรจา-ต่อรอง มากกว่าล้มพรรคร่วมรัฐบาล
หากเพื่อไทยพลาดเก้าอี้มหาดไทย จะกระทบต่ออำนาจของนายทักษิณในทางจิตวิทยาและยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง
ความปั่นป่วนภายในพรรครวมไทยสร้างชาติอาจเป็นแรงเร่งให้ “ยุบสภาเร็ว” โดยเฉพาะหากกลไกการบริหารสะดุดมากขึ้น
อย่ามองข้าม “พลังนอกรัฐบาล” จากกลุ่มทุนใหญ่ ที่อาจใช้โอกาสนี้แทรกแซงการจัดตั้งอำนาจใหม่
หากสถานการณ์ยังคงทวีความร้อนแรงและไม่มีการเจรจาประนีประนอมสำเร็จ โอกาสยุบสภาก่อนสิ้นปี 2568 จะเริ่มเป็นความเป็นไปได้ที่จับต้องได้มากขึ้นเรื่อยๆ