Header Ads

สงกรานต์..เครื่องจักรปั๊มเงิน?

คอลัมน์..จับกระแสการเมือง..โดยนายนิรนาม..เว็บไซต์โลกธุรกิจ..เผยแพร่ 13 เมษายน 2568

ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่รัฐบาลพยายามปั้นให้เป็นเดสติเนชั่น ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องเดินมาประเทศไทยในช่วงเดือนเมษายน โดยหวังว่าจะนำเงินเข้าประเทศให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เทศกาลสงกรานต์ในทุกวันนี้และกลายพันธ์ไปเกินกว่าประเพณีที่ปฏิบัติกันมาในอดีต

“สงกรานต์” จึงกลายเป็นเครื่องมือในการดึงเงินออกจากกระเป๋านักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ เพื่อมาต่อลมหายใจทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

แม้รายงานจาก ttb analytics จะประเมินว่ามูลค่า เม็ดเงินสะพัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 ลดลงถึง 13.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากความกังวลเรื่องความปลอดภัยและระยะเวลาวันหยุดที่สั้นลง แต่มิติที่น่าสนใจ คือ แม้จะสะท้อนภาวะ "สะดุด" ในเชิงปริมาณ แต่หากมองในมุมคุณภาพของการใช้จ่ายและการกระจายรายได้ จะเห็นสัญญาณบวกที่มีผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมในหลายด้าน

1. การใช้จ่ายเพิ่มขึ้นต่อวัน สะท้อนความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจฐานราก

แม้จำนวนวันหยุดที่ลดลงส่งผลต่อภาพรวมเม็ดเงิน แต่รายจ่าย เฉลี่ยต่อวันต่อคน กลับปรับตัวสูงขึ้น ทั้งจาก ค่าอาหาร (17.1%) ค่าของใช้ (14.2%) และค่าที่พัก (6.2%) สะท้อนให้เห็นถึงกำลังซื้อที่ยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะในภาคท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งการจับจ่ายรายวันเช่นนี้กระจายตัวไปยังธุรกิจขนาดเล็ก ร้านค้าในท้องถิ่น และบริการพื้นฐานในจังหวัดต่าง ๆ จึงมีส่วนกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างมีนัยสำคัญ

2. กิจกรรมสงกรานต์ทั่วประเทศช่วยหนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น

นโยบายของภาครัฐในการจัดงาน “เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์” และกิจกรรมใน 17 จังหวัด รวมถึงกรุงเทพฯ ทั้งถนนสีลม ไอคอนสยาม ฯลฯ มีเป้าหมายชัดเจนในการใช้ “วัฒนธรรม” เป็นเครื่องมือสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ซึ่งไม่เพียงส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่ยัง เชื่อมโยงชุมชนเข้ากับตลาด และสร้างรายได้หมุนเวียนในระดับท้องถิ่น ถือเป็นการใช้ทุนวัฒนธรรมกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

3. ภาคเอกชนและประชาชนยังเชื่อมั่น - สะท้อนแนวโน้มบวก

แม้จะมีความกังวลเรื่องภัยพิบัติ เช่น แผ่นดินไหว หรือความปลอดภัยจากอาชญากรรมออนไลน์ แต่จากผลสำรวจของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่า 74.5% ของผู้บริโภคยังคงใช้จ่ายตามปกติ และกว่า 72% มีแผนเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบหลายปี และยังมีความต้องการใช้จ่ายสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2563 ด้วยยอดคาดการณ์สูงถึง 134,631 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.5%

4. มาตรการภาครัฐช่วยประคองความเชื่อมั่น

การที่รัฐบาลเข้ามาสร้างมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยในแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ และร่วมรณรงค์งานวัฒนธรรมอย่างมีระบบ ยังช่วย สร้างความเชื่อมั่นทั้งในสายตานักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ ซึ่งแม้ในปีนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติจะลดลง แต่ก็ถือเป็นโอกาสสำหรับไทยในการฟื้นภาพลักษณ์และเตรียมรับการฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง

สรุป : เม็ดเงินสะดุด แต่เศรษฐกิจยังเดินหน้า

เทศกาลสงกรานต์ปี 2568 แม้จะมีเม็ดเงินโดยรวมที่ลดลงจากปัจจัยภายนอกและโครงสร้างวันหยุด แต่เมื่อพิจารณาเชิงลึกจะพบว่า คุณภาพการใช้จ่ายต่อวัน และ กิจกรรมในระดับชุมชนที่ขับเคลื่อนโดยวัฒนธรรม ยังคงมีบทบาทในการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ขณะเดียวกันภาคประชาชนและเอกชนยังคงมีความเชื่อมั่น พร้อมจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้า ดังนั้น สงกรานต์ปีนี้อาจไม่ได้เป็น “ช่วงเวลารุ่งเรืองที่สุด” ในแง่ตัวเลข แต่เป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่ สะท้อนพลังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว

       "สงกรานต์"จึงไม่ใช่แค่การสืบทอดวัฒนธรรมประเพณี  แต่ยังเป็นเครื่องจักรปั๊มเงินอีกด้วย

ภาพประกอบโดย AI

Theme images by fpm. Powered by Blogger.