Header Ads

จาก "ลุงตู่" สู่ "อุ๊งอิ๊ง" ประชาชนสิ้นหวัง..ทุกอย่าง "เหมือนเดิม"

คอลัมน์..จับกระแสการเมือง..โดย สมศักดิ์ ไม้พรต..เว็บไซต์โลกธุรกิจ..เผยแพร่ 17 มีนาคม 2568 


หลังเปลี่ยนผ่านรัฐบาลจาก "ลุงตู่" มาเป็น "เศรษฐา" จนมาสู่รัฐบาล "อุ๊งอิ้ง" ประชาชนมีความหวังกับบ้านเมืองมากแค่ไหน อย่างไร ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นหรือไม่ ปัญหาของประชาชนได้รับการการแก้ไข หรือบรรเทาเบาบางลงบางหรือเปล่า สะท้อนได้จากผลการสำรวจหรือโพลซึ่งถือเป็นการสะท้อนข้อเท็จจริงจากประชาชน แม้จะเป็นแค่ประชาชนส่วนหนึ่งที่เป็นกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามแต่ก็ถือเป็นกระจกสะท้อนชั้นดีที่นักการเมือง ฝ่ายการเมือง ต้องรับฟัง

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ปัญหาเร่งด่วนของคนไทย  ณ วันนี้” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,264 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 11 - 14 มีนาคม 2568  พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มองว่าปัญหาเร่งด่วนที่อยากให้รัฐบาลแก้ไขมากที่สุด คือ ปัญหาค่าครองชีพ ราคาสินค้า ร้อยละ 72.55 แต่ก็ไม่คิดว่าจะแก้ปัญหานี้ได้สำเร็จ ร้อยละ 68.80 

ปัญหาที่พบในช่วงรัฐบาลแพทองธาร เมื่อเปรียบเทียบกับรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ มองว่าปัญหายังมีเหมือนเดิม ยังไม่เห็นการแก้ไขที่ชัดเจน เช่น ทุจริตคอร์รัปชัน การเมือง ร้อยละ 43.75 ด้านความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท ในกลุ่มวัยรุ่น กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 34.18 มองว่าพอจะช่วยได้บ้าง อาจกระตุ้นในช่วงสั้น ๆ แต่ไม่ส่งผลระยะยาว

นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า จากผลโพลสะท้อนชัดว่า “ปัญหาปากท้อง” ยังคงเป็นความกังวลหลักของประชาชน แม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาลแต่หลายปัญหายังคงเดิมโดยยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ทั้งปัญหาทุจริต  คอร์รัปชัน ปัญหาการเมือง หรือค่าครองชีพที่พุ่งไม่หยุด ด้านมาตรการแจกเงินหมื่นก็ยังถกเถียงกันถึงเรื่องประสิทธิภาพ  เมื่อรวมทุกปัจจัยเข้าด้วยกันประชาชนจึงรู้สึกว่า “รัฐบาลก็ใหม่..แต่ทำไมยังไม่แตกต่าง?”

ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ศิริมา บุญมาเลิศ โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า จากผลโพลสะท้อนให้เห็นว่าปัญหาด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับปากท้องของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ประชาชนคาดหวังให้รัฐบาลแก้ไขให้ดีขึ้น แต่เสียงของประชาชนกลับสะท้อนออกมาว่า รัฐบาลยังไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องปากท้องให้ดีขึ้นได้  แม้ว่ารัฐบาลได้ผลักดันนโยบายแจกเงิน 10,000 บาท เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาแล้วก็ตาม แต่ประชาชนยังมองว่า การแก้ปัญหายังไม่ตรงจุด เพราะตัวเลขจีดีพีที่รัฐบาลแถลงออกมาว่าขยับตัวดีขึ้นและจะโตมากขึ้นไปอีก กลับสวนทางกับ สภาพเศรษฐกิจที่หดตัวและซบเซาลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ประชาชนมองว่านโยบายแจกเงิน 10,000 บาท ช่วยแก้ปัญหา  ปากท้องได้เพียงเล็กน้อยระยะสั้น แต่ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่สำคัญเร่งด่วน อาทิ ค่าครองชีพ ราคาสินค้า และหนี้สินได้ในระยะยาว เมื่อนำผลงานของรัฐบาลปัจจุบันไปเปรียบเทียบกับรัฐบาลชุดที่แล้ว จึงทำให้ประชาชนมองว่ายังไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ดีกว่า ซ้ำร้ายปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันยังมีมากกว่ารัฐบาลชุดก่อนที่ฉุดรั้งการพัฒนาประเทศมากขึ้นไปอีก 

จากผลการสำรวจและความเห็นของนักวิชาการทั้งสองท่านจะเห็นได้ชัดว่าอารมณ์ความรู้สึกของประชาชน ณ ตอนนี้ หมดหวังต่อรัฐบาลและฝ่ายการเมือง 

ไม่ว่ารัฐบาลและฝ่ายการเมืองจะพูดอย่างไร จะให้ข้อมูลแบบด้านบวกมากแค่ไหน

แต่สิ่งที่ประชาชนรู้สึกและสัมผัสได้คือ "ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างยังเหมือนเดิม"

        ส่วนการทำงานของฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาชน แม้การสำรวจครั้งนี้จะไม่มีหัวข้อการทำงานของฝ่ายค้าน แต่เท่าที่ได้ยินได้ฟังมาส่วนใหญ่ก็เห็นว่า "เหมือนเดิม" แม้จะมีความเปลี่ยนแปลงอยู่บ้าง แต่ไม่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในการทำหน้าที่เหมือนประชาชนตั้งความหวังไว้ (ค่อนข้างสูง) สมกับเป็นพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่


Theme images by fpm. Powered by Blogger.