'เพื่อไทย' ซัด 'ประชาชน' ขวางตีความทำถกแก้รัฐธรรมนูญล่ม
การประชุมร่วมรัฐสภา (ส.ส.กับส.ว.) วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญสองฉบับที่เสนอโดยพรรคประชาชนกบพรรคเพื่อไทย เพื่อเปิดทางให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)ขึ้นมาเพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับปรากฎว่ายังไม่ได้ทันพิจารณาต้องปิดการประชุมเนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบมีสมาชิกแสดงตนเข้าร่วมประชุมเพียง 204 คนจากสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด 692 คน (สส. 493 คน และ สว. 199 คน) ทำให้ประธานรัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ต้องสั่งปิดการประชุม และนัดประชุมใหม่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568
ทั้งนี้ก่อนเข้าสู่วาระการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย แจ้งต่อที่ประชุมว่าการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมีความสุ่มเสี่ยงพรรคภูมิใจไทยจึงไม่ขอร่วมพิจารณาวาระนี้และนำส.ส.ของพรรคเดินออกจากห้องประชุม
หลังปิดการประชุมนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาชน นำส.ส.ของพรรคเปิดแถลงข่าวยืนยันว่า รัฐสภามีอำนาจในการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ไม่มีอะไนสุ่มเสี่ยงที่จะขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตามที่มีการกล่าวอ้าง
"ตอนเข้าสู่วาระการประชุมมีสมาชิกอยู่ในห้องประชุมจำนวนมากตัวเลขหน้าจอที่ให้สมาชิกกดบัตรแสดงตนกลับมีจำนวนไม่มาก ซึ่งเกิดจากส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคแม้อยู่ในห้องประชุมแต่ไม่กดบัตรแสดงตน จึงอยากให้พรรคเพื่อไทยและนายกรัฐมนตรีช่วยกำกบดูแลเสียงส.ส.รัฐบาลให้พร้อมในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ด้วย" หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวและว่า ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เหนด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มี สสร.ควรอย่างยิ่งที่จะต้องเปิดโอกาสให้มีการอภิปรายแสดงความเห็นกันในสภา เมื่อรับฟังแล้วค่อยตัดสินใจอีกทีตอนลงมติอย่างจะเอาอย่างไร ไม่ใช่ปิดโอกาสการอภิปรายแสดงความเห็นของสมาชิก
ด้านนายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อและหนึ่งในแกนนำพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยต้องการให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่เมื่อพรรคภูมิใจไทยและส.ว.กลุ่มก้อนเดียวกันไม่เห็นด้วยก็เป็นเรื่องยาก เพราะแม้จะสามารถเปิดอภิปรายได้ แต่เมื่อถึงเวลาลงมติร่างแก้ไขก็จะไม่ผ่านการพิจารณา เพราะจะได้เสียงส.ส.ไม่ถึงหนึ่งในสาม หรือ 67 คน ของจำนวนเสียง ส.ว. 200 คน ตามกฎหมายกำหนด
"พรรคเพื่อไทยพยายามแก้เกมในรัฐสภา โดยสนับสนุนให้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีความชัดเจนเกี่ยวกับจำนวนครั้งในการทำประชามติและขั้นตอนต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยใช้เป็นเหตุผลในการหว่านล้อมพรรคภูมิใจไทยและ ส.ว. ให้สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ แต่เมื่อลงมติขอให้เลื่อนญัตติด่วนเพื่อยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก่อน ปรากฏว่า ฝ่ายเห็นด้วยมีพรรคเพื่อไทย + พรรคร่วม + ส.ว. บางคน รวม 246 เสียง ฝ่ายไม่เห็นด้วย มีพรรคประชาชน + ส.ว. ทั้งสีน้ำเงินและสีขาว รวมได้ 274 เสียง ผลที่ตามมาคือ แนวทางการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถูกตัดตอน ทำให้สถานการณ์ยังคงคลุมเครือ และกลายเป็นเหตุผลที่พรรคภูมิใจไทยและ ส.ว. กลุ่มใหญ่ไม่เข้าประชุม ส่งผลให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องต่อสู้ดิ้นรนมาหลายปี อาจพังทลายลงต่อหน้าต่อตา พรรคเพื่อไทยจึงพยายามยื้อไม่ให้มีการพิจารณาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้วยการไม่แสดงตนในการนับองค์ประชุม เพื่อให้สภาล่ม และเปิดโอกาสให้เดินหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไปในอนาคต ผมไม่อยากตำหนิใคร แต่หากพรรคประชาชนต้องการให้การแก้รัฐธรรมนูญสำเร็จ ก็ควรรับฟังแนวทางของพรรคเพื่อไทยและเดินไปด้วยกัน หากเราจะร่วมเดินไปข้างหน้า ในฐานะพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย เพื่อสร้างกติกาใหม่ที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ได้โปรดอย่าใจร้อน ควรรับฟังพรรครุ่นใหญ่ที่มีประสบการณ์ล้มลุกคลุกคลานในเรื่องนี้มาก่อนบ้าง ขอยืนยันอีกครั้งว่าพรรคเพื่อไทย ยังคงผลักดันเต็มที่ เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จ" นายก่อแก้ว ระบุ
---------------------
ภาพประกอบจาก สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และ ก่อแก้ว พิกุลทอง - Kokaew Pikulthong