นายกฯถกด่วนแก้ราคาข้าวตกต่ำ-กมธ.เกษตรฯชงวิธีแก้ 9 ข้อ
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เผยแพร่ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟสบุ๊ค Ing Shinawatra กำลังประชุมร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยผู้เกี่ยวข้องกับปัญหาราคาข้าวที่ชาวนากำลังเดือดร้อนจากภาวะราคาตกต่ำโดยระบุ
"รัฐบาลอยู่ข้างชาวนาและพี่น้องเกษตรกรมาโดยตลอด เราพร้อมรับฟังและจะมีมาตรการแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุดวันนี้ดิฉันได้เชิญท่านพิชัย รมว.พาณิชย์ และ ท่านนฤมล รมว.เกษตรฯ เข้าพบหารือเรื่องราคาข้าวและสินค้าเกษตร เร่งแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและยาว โดยส่วนหนึ่ง คือการแก้ปัญหาการปลูกข้าวพันธุ์ที่ไม่ได้รับการรับรอง ทำให้ข้าวไม่ได้คุณภาพและราคาต่ำกว่าปกติ ส่งผลต่อราคาข้าวในภาพรวม จึงได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรฯ เร่งพัฒนาพันธุ์ข้าวและแจกจ่ายแก่พี่น้องเกษตรกรให้เพียงพอ ส่วนมาตรการระยะสั้นเรื่องการพยุงราคาข้าว วันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) จะออกมาตรการที่ชัดเจน นำเข้าสู่ครม. เพื่ออนุมัติต่อไปค่ะ ขอให้พี่น้องชาวนาและเกษตรกรมั่นใจค่ะว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหานี้ และจะมีมาตรการออกไปโดยเร็วที่สุดค่ะ"
ขณะที่นายศักดินัย นุ่มหนู ประธานคณะกรรมการธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎรพร้อมด้วยคณะร่วมกันแถลงข่าวพร้อมตัวแทนชาวนาที่เข้ายื่นร้องเรียนให้แก้ปัญหา ที่ ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา ระบุว่า ตามที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวนาเกี่ยวกับปัญหาราคาข้าวตกต่ำ มีต้นทุนการผลิตสูงขึ้น คณะกรรมการธิการ เห็นความสำคัญในการหามาตรการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ในวันนี้จึงได้มีการประชุมเพื่อพิจารณามาตรการแก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำและมาตรการช่วยเหลือชาวนา โดยเชิญผู้แทนจากหน่วยงาน ได้แก่ กรมการข้าว กรมส่งเสริมการเกษตร กรมการค้าภายใน กรมการค้าต่างประเทศ และกรมควบคุมมลพิษ และตัวแทนเกษตรกรชาวนาเข้าร่วมประชุม โดยคณะกรรมการธิการมีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ ผ่านผู้แทนกรมการค้าภายใน ในฐานะอนุกรรมการและเลขานุการ เพื่อนำเสนอต่ออนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการตลาด พิจารณาเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวแห่งชาติ ในประเด็นดังนี้
1. ควรพิจารณาโครงการประกันรายได้เกษตรกรปีการผลิต 2568 - 2569 ในอัตราตันละ 11,000 บาท ถึง 12,000 บาท ตามสัดส่วนความชื้นของข้าว ทั้งนี้ให้รวมถึงชาวนาที่ได้มีการเก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้ว อีกทั้งให้มีการพิจารณาโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่องด้วย
2. ควรกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการควบคุมราคาปัจจัยการผลิต เช่น ราคาปุ๋ยเคมี สารชีวภัณฑ์ และน้ำมัน เป็นต้น เพื่อลดต้นทุนของชาวนา
3. ควรกำหนดนโยบายสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่
4. ควรพิจารณาการบริหารจัดการน้ำเข้าพื้นที่ทุ่งรับน้ำอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อพื้นที่ปลูกข้าวของชาวนา อีกทั้งควรกำหนดมาตรการช่วยเหลือเยียวยาหากเกิดผลกระทบจากการปล่อยน้ำดังกล่าว โดยขอให้ชดเชยไร่ละ 300 บาทต่อเดือน ตามระยะเวลาความเสียหายที่ได้รับ รวมถึงควรมีการศึกษาเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเป็นประจำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาอย่างยั่งยืน
5.ควรพิจารณายกเลิกประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เรื่อง มาตรการบริหารจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ภาคการเกษตร และใช้มาตรการจูงใจแทนการเผาตอซัง ฟางข้าว และเศษวัสดุเหลือใช้ อาทิ การสนับสนุนเครื่องจักรกลให้เกษตรกรเพื่อทำนาแบบไม่เผา การจัดการและนำไปใช้ประโยชน์สร้างมูลค่าเพิ่ม การให้เงินสนับสนุนเกษตรกรที่ทำดีไม่เผา เพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการเตรียมพื้นที่เพาะปลูกแทนการเผา รวมถึงสนับสนุนจุลินทรีย์ย่อยสลายตอซัง ที่มีประสิทธิภาพให้เพียงพอต่อเกษตรกร
6. ควรเร่งวิจัยข้าวพันธุ์ดี ต้านทานโรค และเหมาะสมกับพื้นที่ พร้อมทั้งกระจายพันธุ์ข้าวดังกล่าว ให้เกษตรกรอย่างทั่วถึง รวมถึงให้องค์ความรู้ในการปลูกพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับพื้นที่ตนเองด้วย
7. ควรเร่งส่งเสริมการส่งออกข้าวไปต่างประเทศตามแผนการขับเคลื่อนแผนงานการตลาดของกระทรวงพาณิชย์ ไปยังกลุ่มประเทศแอฟริกาใต้ สาธารณรัฐประชาชนจีน และสหรัฐอเมริกา รวมทั้งประเทศในสหภาพยุโรปโดยด่วน
8. ควรยกระดับการเพิ่มผลผลิตการเกษตรโดยใช้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตร และเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร อย่างเช่นแผนพัฒนาการเกษตรและความมั่นคงทางอาหารของประเทศอินเดียและประเทศญี่ปุ่น
9. ควรพิจารณาโครงการพักชำระหนี้สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวด้วย นอกจากนี้ ขอให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวแห่งชาติกำหนดการประชุมโดยด่วน เพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ทันต่อความเดือดร้อนของชาวนา และฝากถึงรัฐบาลให้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเเละวางมาตรการแก้ไขปัญหาระยะยาอย่างเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวนา
นายสมคิด โพธิกุล ตัวแทนชาวนา จ.สุพรรณบุรี กล่าวว่า ในการร่วมประชุมและให้ข้อมูลกับคณะกรรมการธิการได้รับข้อมูลที่น่าพอใจและต้องการให้รัฐบาลเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้เกษตรกรเสียโอกาสในการได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐ ส่วนกรณีปัญหา pm 2.5 ที่เกิดจากเผาตอข้าว เกษตรกรยินดีให้ความร่วมมือ แต่ภาครัฐต้องมีมาตรการความช่วยเหลือและแก้ปัญหาดังกล่าว
---------------
ที่มา : Ing Shinawatra และ สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร