ดิ้นสู้เฮือกสุท้าย! ขาย "อนุรักษ์นิยมทันสมัย" รอด หรือ ร่วง
คอลัมน์..จับกระแสการเมือง #โดย..สมศักดิ์ ไม้พรต..#เว็บไซต์..โลกธุรกิจ..#เผยแพร่ 23 มกราคม 2568
พรรคพลังประชารัฐ ภายใต้การนำของ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ใครๆ มองว่าเป็นพรรคการเมืองที่รอวันดับสูญ ไม่มีโอกาสฝั่งรากลึกเติบใหญ่ทางการเมือง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการแตกหักกับกลุ่ม ร.อ.ธรรมมนัส พรหมเผ่า ที่นำส.ส.กว่าครึ่งพรรคแยกตัวออกไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการกลับมาของนายใหญ่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย ที่ดูเหมือนว่าจะผูกใจเจ็บกับ "บิกป้อม" ในหลายกรณีจนนำมาซึ่งการเขี่ยพรรคพลังประชารัฐออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แม้พรรคของ "บิ๊กป้อม" จะยอมให้ทุกอย่างเพื่อคงสถานะการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลต่อไปก็ตาม
เมื่อพรรคแตกเป็นสองเสี่ยงและเป็นที่หมายหัวของนายใหญ่บ้านเพื่อไทย ประกอบกับบารมีทางการเมืองที่ค่อยๆอ่อนแสงลงของ "บิ๊กป้อม" จึงทำให้คนส่วนใหญ่เชื่อว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าอาจไม่มีชื่อของพรรคพลังประชารัฐในสนามเลือกตั้ง
หรือมีแต่จะอยู่ในสถานะพรรคต่ำสิบ ไร้พลังต่อรองทางการเมือง หรืออาจจะถึงขั้นสูญพันธ์ไม่เหลือส.ส.ในสภาแม้แต่คนเดียว
นี่คือความน่าจะเป็นจากสายตาของคนนอกที่มองไปยังพรรคพลังประชารัฐ
แต่คนในอย่างนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานศูนย์นโยบายและวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้มองอย่างนั้น
นายสนธิรัตน์ เชื่อว่าโอกาสของพรรคพลังประชารัฐยังมี
"หากมองไปยังการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่างๆ บนกระดานการเมืองเวลานี้ มั่นใจว่าพรรค พปชร.ยังมีโอกาสทางการเมืองอีกมาก โดยมีปัจจัยสำคัญจากการโต้กลับของพลังอนุรักษ์นิยมที่จะขยายตัวกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ จากการบริหารงานของรัฐบาลปัจจุบันซึ่งเอาแต่จะขับเคลื่อนนโยบายเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เช่น กรณีคาสิโนเสรี พนันบนดิน และเมื่อดูโพลต่างๆ ก็พบว่า พรรคพลังประชารัฐ ยังคงเป็นพรรคที่อยู่บนกระดานการเมือง อยู่ในใจประชาชน ยังมี ส.ส. ในสภาไว้เป็นปากเป็นเสียง มีกลุ่มการเมือง มีบ้านใหญ่ต่างๆ รวมพลังกันอย่างเหนียวแน่น...
...วันนี้ประชาชนยังหาพรรค ยังหาคนที่เหมาะสมสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าไม่ได้ โพลบอกว่าเป็นจำนวนมากถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ พรรคของเราต้องเป็นตัวแทนของคนกลุ่มนี้ให้ได้ สร้างนโยบายให้โดนใจคนกลุ่มนี้ให้ได้ เราต้องปลุกคลื่นพลังอนุรักษ์นิยมให้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้งหนึ่ง ใช้จุดเด่นของบุคลากรพรรค คือเรื่องปากท้อง เศรษฐกิจ เรามีมือเศรษฐกิจ ที่มีประสบการณ์ มาร่วมกันวิพากษ์วิจารณ์ให้ข้อเสนอแนะต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาลอย่างสม่ำเสมอ เดินหน้าตรวจสอบรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง คิดว่า คำวิจารณ์ที่มีเหตุมีผล กลั่นกรองจากข้อมูลที่เข้มข้นของพวกเรา จะช่วยดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่ไม่ชอบดราม่าทางการเมือง ให้มาสนใจพรรคมากขึ้น แต่การมีข้อมูลเหล่านั้น ก็จำเป็นต้องสร้างทีม ต้องลงแรง ต้องมีระบบการทำงานที่เข้มแข็ง ซึ่งหัวหน้าพรรคได้ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี"
นี่คือมุมคิดของคนในพรรคอย่าง นายสนธิรัตน์
นอกจากนี้นายนายสนธิรัตน์ ยังนำเสนอยุทธศาสตร์การทำงานของพรรคในช่วงเวลาสองปีข้างหน้าก่อนที่รัฐบาลจะหมดวาระ และมีการเลือกตั้ง ซึ่งข้อเสนอของนายสนธิรัตน์ ประกอบด้วย
1. สร้างและรวมพลังชุดความคิดใหม่ ใช้ความคิดอนุรักษ์นิยมทันสมัย เป็นชุดอุดมการณ์ที่จะใช้เพื่อชนะทางความคิด เพื่อชนะทางการเมือง
2.เตรียมการทำงานในพื้นที่เป้าหมาย สร้างความเข้มแข็งของพื้นที่ และขยายฐานผู้สนับสนุนของเราออกไปให้กว้าง
3.เร่งปรับภาพลักษณ์ สร้างแบรนด์ ทำให้พลังประชารัฐเป็นพรรคการเมืองแห่งความหวัง
"...ผมพูดได้เต็มปากว่า พรรคพลังประชารัฐ ยังมีโอกาส พรรคพลังประชารัฐกับผมมีความผูกพันกันมานาน เพราะผมเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพรรคในปี 2561 วันนั้น เรานับหนึ่ง ถือว่ายากและท้าทาย แต่ในที่สุด เรารวบรวมกลุ่มการเมือง คนการเมือง มาเป็นพรรคการเมือง จนสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ วันนี้ ปี 2568 ผมรู้ว่ายากและท้าทายกว่ามาก แต่เชื่อว่า ยังคงมีประชาชนที่นิยมพรรคพลังประชารัฐอยู่ทั่วประเทศ ถ้าเราหาเจอ แล้วเชื่อมต่อด้วยชุดความคิด ความเชื่อแบบเดียวกัน เราจะหาคะแนนเสียงจนเจอ นี่คือสิ่งที่ทำให้ผมเชื่อว่า พรรคพลังประชารัฐยังมีโอกาส... Now วันนี้ ผมเชื่อว่า พรรคพลังประชารัฐยังมีโอกาส Next วันข้างหน้า โอกาสในการเป็นรัฐบาลจะอยู่ในมือเรา เพื่อให้เราได้ดูแลพี่น้องประชาชนอีกครั้ง"
นั่นคือแนวทางที่นายสนธิรัตน์ นำเสนอและปลุกความหวังให้กับคนในพรรค
ส่วนแนวทาง "อนุรักษ์นิยมทันสมัย" จะช่วยพลิกฟื้นพรรคกลับมาได้แค่ไหน การปลุกใจครั้งนี้จะได้ผลหรือไม่ เวลาอีกไม่นานหลังจากนี้จะให้คำตอบ