"เอกนัฏ"ดันอุตสาหกรรม สู่ Industry 4.0 ช่วยเพิ่มจีดีพีอีก 1% ใน 2 ปี
เฟสบุ๊ค กระทรวงอุตสาหกรรม เผยแพร่ข้อมูลพร้อมภาพประกอบ ระบุ เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยนายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรมและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เข้าร่วมงานครบรอบ 4 ปีการก่อตั้งสำนักข่าว THE STATES TIMES พร้อมทั้งได้ขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ Industry 4.0 Revolution industry for Smart Manufacturing ณ SCBX Next Tech ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพมหานคร
นายเอกนัฏ กล่าวว่า กว่าจะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้ ก็ต้องฝ่าด่านมาอย่างลำบาก เมื่อได้เป็นรัฐมนตรีตนก็มาตรวจสอบสถานะของอุตสาหกรรมไทยที่ยังไม่สู้ดี เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นจากโควิด หนี้ครัวเรือนก็ยังอยู่ในสภาวะฝืดเคืองหากมองในแง่จีดีพี สัดส่วนของภาคอุตสาหกรรมไม่ปรับตัวเปลี่ยนแปลงตามการเปลี่ยนแปลงของโลก
ภาคอุตสาหกรรมไทยเสมือน Cash Cow ที่ผลิตสินค้าแบบใดก็ผลิตแบบนั้นมาตลอด แต่เมื่อโลกเปลี่ยนจึงต้องถูกบีบให้ปรับตัว ยกตัวอย่างอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ฐานเดิมผลิตรถยนต์สันดาป แต่ปัจจุบันโลกผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และปรากฎว่าปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าขายดีกว่ารถสันดาป เห็นได้จากยอดจองรถยนต์ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปโลกถูกเปลี่ยนแปลงด้วยยานยนต์ไฟฟ้า
ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะผลการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกา กำลังจะเป็นผลดีให้กับประเทศไทยที่ผู้ประกอบการรายใหญ่จะย้ายฐานเข้ามาไทย นับว่าเป็นโชคดีของประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการแข่งขันของชาติอื่นในอาเซียน ประเทศไทยก็ต้องแข่งขันกับชาติเพื่อนบ้านให้ได้เช่นกัน เรื่องนี้ถือเป็นโจทย์ให้กระทรวงอุตสาหกรรมที่เป็นทั้งความท้าทายและโอกาส โดยเฉพาะในด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ไทยควรปรับฐานการผลิตในประเทศจากฐานรถยนต์สันดาปไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า "แต่ก่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไม่สนใจปรับตัวสู่ไฟฟ้า แต่เมื่อถูก Disrupt อุตสาหกรรมยานยนต์จึงถูกบีบบังคับให้ต้องปรับสู่ไฟฟ้าเช่นกัน"
นายเอกนัฏ กล่าวต่อไปว่า ก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น มีบรรดาผู้บริหารค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นเข้ามาหารือเป็นจำนวนมาก ทุกค่ายต่างเห็นพ้องที่จะเปลี่ยนมาผลิตเครื่องยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ไฮบริด ซึ่งได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการออกสิทธิพิเศษด้านภาษี เพื่อเอื้อต่อภาคเอกชนปรับตัวและลงทุนเพิ่มเติมในประเทศไทยจากการผลิตชิ้นส่วนและเครื่องยนต์สันดาปเป็นหลัก มาสู่การผลิตชิ้นส่วนและเครื่องยนต์ไฮบริดหรือเครื่องยนต์ไฟฟ้า
"ต่อไปนี้จะไม่เห็นข่าวปิดโรงงานค่ายรถยนต์ของญี่ปุ่นอีกต่อไป ประเทศไทยจะได้รับการลงทุนอีกนับแสนล้านบาท นอกจากค่ายรถญี่ปุ่นแล้ว บรรดาค่ายรถจีนที่นิยมเข้ามาตั้งโรงงานในไทยเพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าก็มีเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ทั้งหมดนี้นับว่าเป็นโอกาสอันดีของประเทศไทย"
นอกจากนี้ในภาคอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ กำลังหารือให้ภาคอุตสาหกรรมดังกล่าว เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ขณะที่ด้านอุตสาหกรรมเกษตร ในฐานะเลขาธิการพรรคร่วมไทยสร้างชาติ เขาได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐมนตรีพลังงานในการนำพืชเศรษฐกิจด้านพลังงานมาใช้ให้มากขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ยังสนับสนุนในการปฏิรูประบบราชการเพื่อให้เอกชนสามารถขอใบอนุญาตเพื่อการลงทุนได้ง่ายขึ้นเช่นกัน
ส่วนประเด็นการสนับสนุนภาคเอกชนในการขอใบอนุญาตตั้งกิจการว่า อนาคตจะมีการนำ AI มาช่วยในการพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน โดยอาจจะต้องมีการปรับปรุง พ.ร.บ.โรงงาน ที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรมเช่นกัน นอกจากนั้นในด้านผลกระทบจากการผลิตในอุตสาหกรรมนั้น ในฐานะรัฐมนตรีอุตสาหกรรม นอกจากรับผิดชอบเรื่องการลงทุนแล้ว ยังต้องรับผิดชอบเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วย เขามีเป้าหมายการฟื้นอุตสาหกรรมไทยให้ได้ 1% ของจีดีพีนั้น จะต้องไม่กระทบต่อประชาชนโดยเฉพาะกากอุตสาหกรรมก็ต้องรับผิดชอบเช่นกัน
"ในกรณีสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานที่ดัมพ์ราคา ทุ่มตลาดไทย เรามีทีมสุดซอย จับกุม จับทุกที จับทุกเวลา เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมไทย" เอกนัฏ กล่าว นอกจากนี้ยังมีแผนร่วมมือกับแอพพลิเคชัน Traffy Fondue ในการรับเรื่องร้องเรียนจากประชาสังคมเพื่อจัดการกับสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานอีกด้วย"
นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า แม้จะมีการลงทุนมากมายจากต่างชาติ แต่สุดท้ายคนไทยต้องได้รับประโยชน์ คนไทยต้องได้รับการจ้างงาน คนไทยต้องได้พัฒนาทักษะด้านอุตสาหกรรมจากการลงทุนดังกล่าว ทั้งหมดนี้เป็นภารกิจที่เดินหน้าสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจยุคใหม่
"ตั้งใจว่าในอีก 2 ปีข้างหน้า ภาคอุตสาหกรรมจะกลับมาเติบโต เพิ่มจีดีพีอย่างน้อย 1% โดยไม่พึ่งงบประมาณของภาครัฐ เราทำทันที ทำทุกวินาที ทำอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อเติมเต็มศักยภาพของเศรษฐกิจไทย"
นายเอกนัฏ ยังเผยว่า ในฐานะรัฐมนตรีอุตสาหกรรมเขาจะทำเรื่องกากอุตสาหกรรมและขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งตอนนี้ ได้ร่างกฎหมายฉบับนี้เสร็จเรียบร้อย ร่างกฎหมายนี้จะให้อำนาจเจ้าหน้าที่จัดการผู้ประกอบการจัดการกับขยะอุตสาหกรรมอย่างไม่เหมาะสม นอกจากนี้เรายังสนับสนุนการรีไซเคิลเช่นกัน เรามีแผนจะร่างกฎหมายด้านการผลิตจากชิ้นส่วนรีไซเคิล เพราะในฐานะที่ประเทศไทยจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว เราควรมีมาตรการรีไซเคิลในด้านนี้ด้วยเช่นกัน