"แก้โกง-กู้เศรษฐกิจ" ยังเป็นปัญหาหลักของรัฐบาล
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนธันวาคม 2567” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 2,154 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 16-25 ธันวาคม 2567 พบว่า กลุ่มตัวอย่างให้คะแนนภาพรวมดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนธันวาคม 2567 เฉลี่ย 4.97 คะแนน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2567 ที่ได้ 4.92 คะแนน
ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนสูงสุด คือ การมีส่วนร่วมของประชาชน เฉลี่ย 5.37 คะแนน ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนต่ำสุดคือการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ความโปร่งใส เฉลี่ย 4.60 คะแนน นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 51.25 รองลงมาคือ อนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 26.36 ด้านนักการเมืองฝ่ายค้านที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ร้อยละ 45.78 รองลงมา คือ ศิริกัญญา ตันสกุล ร้อยละ 33.13 ผลงานฝ่ายรัฐบาลที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ เยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วม 9,000 บาท ร้อยละ 40.05 ผลงานฝ่ายค้านที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ ตรวจสอบรัฐบาลเพื่อความโปร่งใส ร้อยละ 42.72
นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ดัชนีการเมืองไทยปิดท้ายปีด้วยการปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แสดงให้ถึงความพยายามของรัฐบาลในการเร่งสร้างผลงาน ด้านคะแนนนายกฯ ที่ลดลงก็สะท้อนถึงความคาดหวังที่ยังตอบสนองได้ไม่ดีพอ การสร้างความเชื่อมั่นในปีใหม่จึงขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชนได้มากน้อยเพียงใด ดัชนีการเมืองเดือนสุดท้ายของปีจึงเป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นว่า “รัฐบาลนั้นเร่งเกม มีผลงานเพิ่ม แต่เศรษฐกิจยังเป็นจุดอ่อน”
รองศาสตราจารย์ ดร.ธนภัทร ปัจฉิมม์ คณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต อธิบายว่า แม้ภาพรวมดัชนีการเมืองไทยเดือนธันวาคม 2567 จะมีค่าคะแนนอยู่ที่ 4.97 ซึ่งสูงกว่าเดือนพฤศจิกายน (4.92) ก็ยังถือว่ารัฐบาลยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นต่อกลุ่มตัวอย่างกว่า 2,000 คน หากพิจารณาตัวแปรต่างๆ ที่สะท้อนความไม่เชื่อมั่นและทำให้คะแนนลดลง จะพบว่า ค่าครองชีพ เงินเดือน และสวัสดิการนั้นมีคะแนนลดลงมากที่สุดอยู่ที่ 4.85 ซึ่งมีความสอดคล้องกับสภาวการณ์และความตกต่ำทางเศรษฐกิจและย้อนแย้งกับวาทกรรมทางการเมืองที่ว่า “คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี”
นอกจากนี้ตัวแปรในด้านเสถียรภาพและความไม่เป็นปึกแผ่นของรัฐบาลผสมหลายพรรคการเมืองนั้นยังไม่เป็นที่พึงพอใจของประชาชน ในขณะเดียวกันผลงานของนายกฯ ก็ยังมีค่าคะแนนที่ไม่สูงมากนัก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและฝ่ายค้าน ไม่ควรปฏิเสธผลสำรวจนี้และควรนำข้อมูลดังกล่าวไปศึกษาหาวิธีการแก้ไข เพื่อพัฒนาและสร้างความเชื่อมั่นในทางการเมืองการบริหารของรัฐบาลต่อไป
ด้านศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาส ครั้งที่ 4/2567” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 19-24 ธันวาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 2,000 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับคะแนนนิยมทางการเมือง การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 29.85 ระบุว่าเป็น นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (พรรคประชาชน) เพราะ มีความมุ่งมั่นในการสานต่ออุดมการณ์ของพรรคและมีบทบาทที่เข้ากับคนรุ่นใหม่ อันดับ 2 ร้อยละ 28.80 ระบุว่าเป็น นางสาวแพทองธาร (อุ๊งอิ๊ง) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) เพราะ มีประสบการณ์ด้านการบริหารธุรกิจ เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่มีพลังและมุมมองทันสมัยในด้านการเมือง อันดับ 3 ร้อยละ 14.40 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 4 ร้อยละ 10.25 ระบุว่าเป็น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (พรรครวมไทยสร้างชาติ) เพราะ เป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายและมีภาพลักษณ์ของผู้นำที่เข้าถึงง่าย อันดับ 5 ร้อยละ 6.45 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) เพราะ มีความสามารถในการบริหารงาน และมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศ อันดับ 6 ร้อยละ 4.95 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) เพราะ เป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ทางการเมืองที่ยาวนาน และยืนหยัดในอุดมการณ์ประชาธิปไตย อันดับ 7 ร้อยละ 1.70 ระบุว่าเป็น พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ (พรรคพลังประชารัฐ) เพราะ เป็นผู้นำที่มีความมุ่งมั่นและมีประสบการณ์การทำงานยาวนาน อันดับ 8 ร้อยละ 1.05 ระบุว่าเป็นนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน (พรรคประชาธิปัตย์) เพราะ ชื่นชอบผลงานและแนวคิดของพรรคประชาธิปัตย์ และร้อยละ 2.55 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (พรรคประชาชาติ) นายวราวุธ ศิลปอาชา (พรรคชาติไทยพัฒนา) พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง (พรรคประชาชาติ) นายเทวัญ ลิปตพัลลภ (พรรคชาติพัฒนา) พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) นายชวน หลีกภัย (พรรคประชาธิปัตย์) ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ (พรรคกล้าธรรม) ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ (พรรคประชาธิปัตย์) นายกัณวีร์ สืบแสง (พรรคเป็นธรรม) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายกรณ์ จาติกวณิช
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 37.30 ระบุว่าเป็นพรรคประชาชน อันดับ 2 ร้อยละ 27.70 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 3 ร้อยละ 10.60 ระบุว่าเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ อันดับ 4 ร้อยละ 8.20 ระบุว่า ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 5 ร้อยละ 5.15 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย อันดับ 6 ร้อยละ 3.40 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ อับดับ 7 ร้อยละ 3.05 ระบุว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ อับดับ 8 ร้อยละ 2.50 ระบุว่าเป็น พรรคไทยสร้างไทย อับดับ 9 ร้อยละ 1.00 ระบุว่าเป็น พรรคประชาชาติและร้อยละ 1.10 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรคกล้าธรรม พรรคไทรวมพลัง พรรคเสรีรวมไทย และพรรคเป็นธรรม
เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 8.60 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 18.55 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคกลาง ร้อยละ 17.95 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 33.45 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 13.75 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ และร้อยละ 7.70 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออก ตัวอย่าง ร้อยละ 48.10 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.90 เป็นเพศหญิง
ตัวอย่าง ร้อยละ 12.90 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 17.80 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 18.95 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 26.65 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 23.70 อายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 96.45 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 2.65 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 0.90 นับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่น ๆ
ตัวอย่าง ร้อยละ 35.75 สถานภาพโสด ร้อยละ 62.15 สมรส และร้อยละ 2.10 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ ตัวอย่างร้อยละ 1.10 ไม่ได้รับการศึกษา ร้อยละ 17.30 จบการศึกษาประถมศึกษา ร้อยละ 36.60 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 9.85 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 31.05 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 4.10 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี
ตัวอย่าง ร้อยละ 8.75 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 19.10 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 22.50 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 10.35 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 16.00 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 17.65 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงานและร้อยละ 5.65 เป็นนักเรียน/นักศึกษา
ตัวอย่าง ร้อยละ 19.10 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 3.45 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 5,000 บาท ร้อยละ 14.40 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 5,001-10,000 บาท ร้อยละ 34.75 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 11.20 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 4.40 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 2.40 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001-50,000 บาท ร้อยละ 1.60 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 50,001-60,000 บาท ร้อยละ 0.40 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 60,001-70,000 บาท ร้อยละ 0.10 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 70,001-80,000 บาท ร้อยละ 0.35 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 80,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 7.85 ไม่ระบุรายได้
------------------------
ที่มา : นิด้าโพล