Header Ads

รอดทุกข้อหา! ศาล รธน.ตีตก 6 คำร้อง"ทักษิณ"ล้มล้างการปกครอง

 


การประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประจำวันที่  22 พฤศจิกายน 2567 วาระการพิจารณาที่คนทั้งประเทศจับตาดูคือการพิจารณาคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ที่ขอให้ศาลมีคำสั่งให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย (พท.) เลิกการกระทำใช้สิทธิและเสรีภาพอันอาจจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 หรือไม่ โดยยื่นเรื่องให้ศาลพิจารณารวม 6 ประเด็น ประกอบด้วย 1.กรณีนายทักษิณ ใช้อำนาจสั่งการรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อเข้ารักษาตัวที่ชั้น 14 ทั้งที่ไม่ได้ป่วยขั้นวิกฤตจริง 2.กรณีนายทักษิณ สั่งการให้รัฐบาลเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนกับกัมพูชาอันอาจทำให้เสี่ยงต่อการเสียดินแดน 3.กรณีพรรคเพื่อไทยร่วมมือกับพรรคประชาชนแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งพรรคประชาชนแปลงสภาพมาจากพรรคก้าวไกลที่ถูกศาลสั่งยุบพรรคเพราะมีพฤติกรรมกร่อนเซาะบ่อนทำลายและมีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

4.กรณีนายทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อหาตัวบุคคลขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทนนายเศรษฐา ทวสิน ที่บ้านพักจันทร์ส่องหล้า 5.กรณีนายทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยขับพรรคพลังประชารัฐออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล และ 6.กรณีนายทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยนำนโยบายที่ได้แสดงวิสัยทัศน์ไปแถลงเป็นนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมนรัฐสภาและนำไปปฏิบัติ

ผลการพิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า คดีนี้แม้ผู้ร้องจะใช้สิทธิยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดแล้วและอัยการสูงสุดไม่ดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ อันทำให้ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้แต่การพิจารณาว่าบุคคลใดจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง จะต้องปรากฏ ข้อเท็จจริงชัดเจนเพียงพอที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งหมายและความประสงค์ระดับที่วิญญูชนคาดเห็นได้ว่าน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขโดยการกระทำนั้นจะต้องกำลังดำเนินอยู่และไม่ห่างไกลเกินกว่าเหตุ

คำร้องในประเด็นที่ 1 และประเด็นที่ 3 ถึงประเด็นที่ 6 ยังไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐาน เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัย

ส่วนคำร้อง ประเด็นที่ 2 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก (7 ต่อ 2) มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้ พิจารณาวินิจฉัย ซึ่งเสียงข้างมากเห็นว่ายังไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อลัมล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง

อ่านรายละเอียกคำวินิจฉัยได้ที่ https://www.facebook.com/photo/?fbid=537056785911763&set=pcb.537057132578395


Theme images by fpm. Powered by Blogger.