กกต.ไฟเขียว 200 ส.ว.เข้าสภา พ่วงบัญชีสำรอง 99 คน
วันที่ 10 กรกฎาคม 2567 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. แถลงหลังการประชุมกรรมการ กกต.ว่า ที่ประชุมมีมติรับรองผลการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ทั้ง 200 คน และผู้ที่อยู่ในบัญชีสสำรอง 99 คน เนื่องจากกลุ่ม 18 เหลือสำรองอยู่ 4 คน ส่วนข้อร้องเรียนจำนวนมากนั้น กกต.จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป โดยให้ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกมารับหนังสือรับรองจากเพื่อนำไปรายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาในวันที่ 11-12 ก.ค. 2567 เวลา 08.30-16.30 น.
"การรับรองผลเป็นไปตาม เงื่อนไขกฎหมายตามมาตรา 42 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ที่ระบุหาก กกต.เห็นว่า การเลือกเป็นไปโดยถูกต้อง หรือความชอบ ความควรตามกฎหมาย สุจริต กกต.สามารถประกาศผลการเลือกได้ ส่วนข้อร้องเรียนต่างๆ สามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มคือ กลุ่มที่มีคุณสมบัติต้องห้าม กลุ่มกระบวนการเลือกทั้ง 3 ระดับ และกลุ่มที่สังคมใช้คำว่า จัดตั้ง บล็อกโหวต หรือฮั้ว" เลขาธิการ กกต.กล่าวและว่า ก่อนเริ่มการคัดเลือก กกต.คัดผู้ขาดคุณสมบัติออกไปกว่า 3,000 คน ที่บอกว่า กกต.ไม่ได้ตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครจึงไม่เป็นความจริง นอกจากนี้ยังให้ใบส้ม ระงับสิทธิสมัครชั่วคราว จำนวน 89 ใบ ส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งตัดสิทธิ์อีก 1 คน และยังมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งระดับอำเภอ ที่ลบชื่อไป 526 คน ที่ถูกพิจารณาว่า รู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิแล้วไปสมัครรับเลือกหรือไม่ ซึ่งกรณีนี้เป็นคดีอาญา จึงไม่ได้ให้ใบส้มเพราะเป็นคนละส่วนกัน
ส่วนเรื่องเรื่องคุณสมบัติว่าคนนั้นมาสมัครกลุ่มนี้ได้อย่างไรอาจเกิดจากความเข้าใจผิดของคนในสังคม เพราะตามรัฐธรรมนูญและ พ.ร.ป.เลือก สว. ไม่มีเรื่องกลุ่มอาชีพ แต่เป็นกรณีกลุ่มของด้าน 20 ด้าน ในด้านมีอาชีพเป็นส่วนหนึ่งของคนประเภทหนึ่งที่จะอยู่ในด้านนั้น อาจเป็นผู้มีความรู้ ความชำนาญ มีประสบการณ์ ไม่ใช่มีอาชีพด้านนั้นอย่างเดียว อาชีพเป็นเพียงประเภทหนึ่งในกลุ่มนั้นเท่านั้น กฎหมายเปิดกว้างให้ประชาชนชาวไทยมีโอกาสที่จะสมัครรับเลือก สว.อยู่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้อย่างกว้างขวาง โดยมีผู้รับรอง 1 คน
สำรับความผิดเรื่องการดำเนินการในวันเลือก คือระดับอำเภอ จังหวัด และระดับประเทศ ขณะนี้พิจารณาสำนวนเสร็จและส่งเรื่องไปให้ศาลฯพิจารณาแล้ว18 คดี โดยศาลฯได้ยกคำร้องทุกคดี กระบวนการเลือกตั้งจึงเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งกรณีนี้เป็นคนละส่วนกับเรื่องฮั้วหรือทุจริตที่กกต.รวบรวมพยานหลักฐานมาได้พอสมควรแล้ว และกกต.ได้ขอความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) 10 คน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) 10 คน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) 3 คน มาร่วมกันทำคดีด้วย โดยให้โอกาสทั้งผู้ร้องและผู้ร้องมาชี้แจงเพื่อความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย