เปิดอาณาจักร“ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์”ผู้นำธุรกิจ OEM-ODM เครื่องสำอาง และสุขภาพครบวงจร
ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการส่งเสริมและสนับสนุน แบรนด์ด้านความงามและสุขภาพทั่วโลก ที่มีนวัตกรรม มีคุณภาพเหนือกว่า รวมถึงการให้บริการที่รวดเร็ว มี Commitment โดยมุ่งมั่นที่จะเสนอโซลูชั่นให้ตรงความต้องการของลูกค้า ซึ่งการขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จและตอบสนองความต้องการของแบรนด์ต่างๆนั้น ได้จากการผ่านค่านิยมของบริษัท คือ FAITH ขณะเดียวกันเราก็มุ่งมั่นอย่างลึกซึ้งต่อความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน สิ่งแวดล้อมและชุมชน โดยเราให้คำนิยามค่านิยมของบริษัทไว้ดังนี้
FAITH F คือ Flexible ความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อความพึงพอใจของลูกค้าA คือ Agile ความรวดเร็วที่สนองตอบตามความต้องการลูกค้าในทุกแผนก
I คือ Integrate Positive Thinking การบูรณาการความคิดในเชิงบวก
T คือ Teamwork การทำงานเป็นทีม
H คือ Honesty ความซื่อสัตย์ทั้งต่อตนเอง ลูกค้า คู่ค้าและสังคม
ตลอด 35 ปี “ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์” ไม่เคยหยุดพัฒนาศักยภาพของตัวเอง เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำระดับโลก โดยล่าสุดได้ทุ่มงบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท สร้างโกดังสินค้าและต่อเติมอาคาร บนเนื้อที่กว่า 150,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่สูงถึง 10,000 ตัน หรือประมาณมากกว่า 100 ล้านชิ้นต่อเดือนนอกจากนี้ยังนำเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพรวมถึง AI และระบบบริหารจัดการให้ทันสมัย โดยสัดส่วนการผลิตสินค้าของโรงงานในปัจจุบัน คือกลุ่ม Skin Care, Personal Care, Hair product 65%, Make up 15%, Homecare 10-15%, และอื่นๆ 10%
เนื่องจากในปัจจุบันการแข่งขันธุรกิจเครื่องสำอางเติบโตขึ้นมาก แม้ทั่วโลกจะประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 แต่วงการความงามกลับมีสินค้าใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย สินค้าเกี่ยวกับความงามมีปัจจัยภายนอกเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นเราจะเห็นว่าเครื่องสำอางบางยี่ห้อมีการปรับเปลี่ยนสูตร เปลี่ยนดีไซน์แพคเกจจิ้งอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะสินค้าที่เน้นการขายในช่องทางออนไลน์ บางครั้งปรับเปลี่ยนจนผู้บริโภคตามไม่ทัน ซึ่งตลาดสินค้ากลุ่มนี้ในประเทศต่างๆ ก็มีความต้องการที่แตกต่างกัน เช่น ประเทศในโซนยุโรบ อเมริกา ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างจะเน้นไปในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ส่วนโซนเอเชียเน้นสินค้าที่ใช้ได้ผลในราคาที่คุ้มค่า มีความหลากหลายของดีไซน์แตกต่างกันออกไป แต่ประเทศที่มีอิทธิผลต่อการเปลี่ยนแปลงของวงการสินค้าความงามมากที่สุดในขณะนี้ คือ ประเทศเกาหลี นางสาวรุ่งระวี กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา เราเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดและความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย และเห็นว่ามีผู้ประกอบการ SME จำนวนมาก ที่ต้องการผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของตัวเองออกมาขาย รวมถึง Global brand ที่ต้องการให้เรานำเสนอสินค้าใหม่ๆ เราจึงผันตัวเองมาลุยธุรกิจ “ODM” เต็มรูปแบบมากขึ้น เพื่อให้บริการลูกค้ากลุ่ม “ODM” แบบ One Stop Service เนื่องจากเรามีทีมงานที่มีคุณภาพ ในทุกส่วน เช่น มี R&D เฉพาะในทุกประเภทสินค้า มีเครื่องจักร มีระบบ IT ที่ใช้ในการบริหารจัดการที่ทันสมัย เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทั่วโลก โดยเราสามารถผลิตสินค้าจำนวนน้อยที่สุดหลักพัน ไปจนถึงมากกว่า 100 ล้านชิ้นต่อเดือน บริษัทได้ตั้งเป้าอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นของยอดขายไว้ที่ 2 หลักในทุกๆปี ด้วยการมุ่งทำการตลาดในต่างประเทศมากขึ้น เช่น ยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง เป็นต้น บริษัทฯ ได้เพิ่มงบประมาณในการโฆษณาและออกงาน Exhibition ต่างๆ รวมถึงการนำเสนอในงานแสดงสินค้า “Cosmoprof CBE ASEAN 2024” ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 15 มิถุนายน 2567 นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยสัดส่วนลูกค้าในปัจจุบัน ภายในประเทศอยู่ที่ 45% และต่างประเทศอยู่ที่ 55% ขณะนี้อยู่ในยุคเปลี่ยนผ่าน สู่ Young Generation ภายใต้การนำของคุณ จิรัชยา วามะศิริ บุตรสาวของท่านประธาน มาร่วมเป็นผู้บริหารในการวางแผนต่อยอดธุรกิจออกสู่ต่างประเทศโดยนอกจากมีพันธมิตรญี่ปุ่นแล้ว ยังร่วมหาพันธมิตรทางธุรกิจในต่างประเทศ เช่น เกาหลี กลุ่มประเทศในยุโรป อเมริกา เป็นต้น เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการศึกษาวิจัย วัตถุดิบต่างๆ เทรนด์ตลาด เพื่อสร้างโซลูชั่นใหม่ให้กับลูกค้าในตลาดต่างประเทศมากขึ้น นางสาวรุ่งระวี กล่าวเพิ่มเติมว่า การเป็นโรงงานรับจ้างผลิต OEM – ODM เครื่องสำอางเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับเทรนด์ ความงามในช่วงนั้นๆ ต้นทุน ราคาวัตถุดิบ ที่ผันผวนตลอดเวลาตามสถานะการณ์โลก ซึ่งเราต้องนำเข้าจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงคู่แข่งที่เราจะต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งในประเทศจีน อินเดีย อินโดนีเซีย หรือแม้แต่เจ้าของแบรนด์ดังที่มีโรงงานผลิตเอง ดังนั้นต้นทุนการผลิตจึงสำคัญมาก ทำให้บริษัทมีกำไรน้อยเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ แต่ถึงกระนั้นตลอดระยะเวลา 35 ปีที่ผ่านมา ด้วยการบริหารอย่างระมัดระวัง การมีวินัยทางการเงินที่เคร่งครัด เราจึงค่อยๆเติบโตได้อย่างมั่นคง ทำให้ยังคงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเดิมด้วยดีเสมอมา และลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นในทุกปีคณะผู้บริหารภายใต้การนำของท่านประธาน นิพนธ์ วามะศิริ ผู้ก่อตั้งบริษัท เป็นผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล คิดจริง ทำจริง มีความมุ่งมั่น เป้าหมายคือ องค์กรต้องยั่งยืน ไม่ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เราต้องสามารถปรับตัวให้ได้ในทุกสถานการณ์ เน้นการบริการให้ครบวงจรให้มากที่สุด สร้างความพึงพอใจตามความต้องการของลูกค้าในแต่ละ Segment ด้วยความซื่อสัตย์และดำเนินธุรกิจแบบมีส่วนร่วม เป็นพันธมิตรทั้งกับลูกค้าและคู่ค้า เช่น Supplier ที่มีทั้งในและต่างประเทศ แบบ WIN – WIN เพื่อสิ่งดีๆที่จะมอบให้กับผู้บริโภค ในแต่ละแบรนด์ ในที่สุดผลลัพธ์ก็จะกลับมาสู่ ลูกค้า คู่ค้า บริษัท พนักงาน และธุรกิจที่ยังดำเนินได้ในประเทศไทย
นางสาวรุ่งระวี ระบุว่า หัวใจสำคัญ ที่ทำให้ “ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์” ประสบความสำเร็จมาจนถึงปัจจุบันคือ “คน” บริษัทถือว่า “คน” เป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุด บริษัทมีความภาคภูมิใจที่มีพนักงานที่ดี มีคุณภาพ ตั้งใจทำงาน ซื่อสัตย์ ร่วมทุกข์ร่วมสุขและรักองค์กร เราเชื่อเสมอว่าการมีทีมงานที่ดี คอยสนับสนุนในทุกๆด้านจึงทำให้เราเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ และต่อๆไปในอนาคต