สั่นไหว..แต่..ไม่สะเทือน
การประกาศลาออกจากตำแน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของนายปานปรีย์ พหิทธานุกร หลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามการกราบบังทูลฯของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สร้างความประหลาดใจต่อหลายฝ่าย
ประหลาดใจเพราะเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยังอยู่ หายไปเพียงเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี เหตุใดจึงต้องลาออก
ประหลาดใจเพราะนายปานปรีย์ ถือเป็นลูกหม้อที่อยู่กันมายาวนานตั้งแต่ยังเป็นพรรคไทยรักไทย และเป็นคนที่ผู้มีบารมีในพรรคเชื่อฝีมือในการทำงาน
ยิ่งประหลาดใจขึ้นไปอีก หลังจากการเปิดเผยของนายปานปรีย์ว่านายกรัฐมนตรีแจ้งให้ทราบแต่ว่าจะมีการปรับ ครม. แต่ไม่ได้แจ้งรายละเอียดให้ทราบว่าจะเหลือเก้าอี้กระทรวงการต่างประเทศไว้ให้เพียงตำแหน่งเดียว
หากบอกกันก่อนอาจไม่เกิดการลาออกทันที่หลังมีพระบรมราชการโองการฯ
การลาออกทันทีหลังมีพระบรมราชโองการเข้าใจว่าไม่เคยมีใครทำมาก่อน เพราะส่วนมากแรงกระเพื่อมจะมีมากก่อนปรับครม.หลังมีพระบรมราชโอการออกมาแล้วทุกอย่างจะนิ่ง ใครไม่พอใจอะไรก็ต้องทนกลืนเลือด ทั้งคนที่ถูกปรับออกและคนที่อยากได้ตำแหน่งแต่ไม่มีเก้าอี้ให้นั่ง
อย่างไรก็ตามหากพิจารณาจากเหตุผลการลาออกที่ว่าต้องการรักษาหลักการ ก็ต้องนับถือหัวใจของนายปานปรีย์ เพราะหากไม่ยึดหลักการจริงคงจะยึดติดเก้าอี้มากกว่านี้
แต่หากพิจารณาจากเหตุผลที่ว่าที่ผ่านมาทำงานเต็มที่ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ การเอาเก้าอี้รองนายกฯของตัวเองไปให้คนอื่นแสดงว่าคนอื่นทำงานดีกว่า เก่งกว่า มีผลงานมากกว่า
หากพิจารณาจากเหตุผลที่ว่าจากนี้ไปจะไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ อีก และขอเวลาพิจารณาการทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยแม้จะมีความผูกพันเพราะอยู่ด้วยกันมานาน
แสดงให้เห็นชัดเจนว่ามีความ "น้อยใจ" อยู่ในที ที่พรรคไม่เห็นความสำคัญ ไม่เห็นค่าคนทำงาน
ยิ่งพิจารณาจากคำกล่าวของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่ว่า "ปรับแบบนี้ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร" ก็ชัดเจนว่าเหตุผลของการปรับ ครม. ไม่ได้ยึดเรื่องงานเป็นหลัก แต่ยึดตามเหตุผลทางการเมืองเป็นเรื่องแรก
ยิ่งมองไปถึงการถูกปรับออกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ยิ่งมองเห็นเด่นชัดถึงเหตุผลทางการเมือง เพราะ 7 เดือนในตำแหน่งเสนาบดีเป็นแค่การตกรางวัลที่ยอมเปลืองตัวเล่นละครจับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลแล้วพลิกขั้วมาจูบปากกับพรรคสองลุง
อย่างไรก็ตาม หากถามว่าการลาออกของนายปานปรีย์กับการเขี่ยนพ.ชลน่านออกจากเก้าอี้รัฐมนตรีจะส่งผลอะไรต่อรัฐบาลหรือไม่ ส่งผลอะไรกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่
คำตอบคือ "ไม่"
เพราะทั้งสองคนเป็นแค่ระดับ "มดงาน" ในพรรค แม้จะน้อยใจถึงขั้นออกจากพรรคก็ไม่มีอะไรกระทบหาคนอื่นมาทำงานแทนได้
ยิ่งผู้นำจิตวิญาณกลับมาบัญชาการเองได้ในเมืองไทยยิ่งไม่มีปัญหา
การทำให้หัวหน้ากลุ่มก๊วนที่มีส.ส.ในมือจำนวนมากน้อยใจต่างหากที่จะทำให้พรรคมีปัญหาจนอาจกระทบต่อภารกิจปั้นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปในการเลือกตั้งครั้งหน้า
"ผลงาน"ไม่สน "การเมือง" ต้องมาก่อน
-------------------------------
จับกระแสการเมือง/สมศักดิ์ ไม้พรต/โลกธุรกิจ