Header Ads

ดีอี-สธ. พัฒนาคลาวด์กลางเก็บข้อมูลสุขภาพประชาชนหนุนนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่อย่างไร้รอยต่อ

        เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2567ที่ผ่านมา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พร้อมด้วยนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกิจกรรมสัมมนาเปิดตัว Kick off ผลการพัฒนาระบบคลาวด์กลางด้านสาธารณสุข เชื่อมต่อแลกเปลี่ยนชุดข้อมูลสุขภาพของประชาชนทั้งประเทศ ด้วยความร่วมมือของ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช) และกระทรวงสาธารณสุข ที่จะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลสุขภาพตนเองและเข้ารับบริการได้สะดวกรวดเร็ว สอดรับกับนโยบายยกระดับ 30 บาทรักษาได้ทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวของรัฐบาล พร้อมการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ป้องกันข้อมูลรั่วไหลและถูกโจรกรรม ตามมาตรฐานสากล ISO 27001 โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะผู้บริหาร พร้อมเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมงาน ณ ห้องวิภาวดีบอลรูม โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว

  นายประเสริฐ กล่าวว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) มุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งระบบคลาวด์กลางด้านสาธารณสุขเป็นสิ่งสำคัญที่กระทรวงฯ มุ่งมั่นให้บริการแก่ประชาชน โดยจัดให้มีระบบคลาวด์กลาง GDCCเพื่อให้บริการด้านการประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลที่ปลอดภัยสำหรับหน่วยงานภาครัฐ สนับสนุนบริการภาครัฐตามยุทธศาสตร์ชาติ ทั้งนี้ การพัฒนาระบบสารสนเทศแพลตฟอร์มกลางบนคลาวดีมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับ รพ.สต.ทั่วประเทศ ที่ขาดแคลนบุคลากรด้านคอมพิวเตอร์และงบประมาณ ซึ่งระบบนี้จะได้รับการดูแล ปรับปรุง และพัฒนาจากหน่วยงานส่วนกลางแบบออนไลน์ เป็นการลงทุนสำหรับการพัฒนาและดูแลระบบที่มีต้นทุนต่ำ แต่สามารถชื่อมโยงการดูแลสุขภาพทุกระดับ ระบบสารสนเทศจะมีระบบประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ (Cloud Computing) ในรูปแบบ Private Cloud ที่มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน มีการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ช่วยลดงบประมาณให้กับภาครัฐในระยะยาวได้ โดยกระทรวงฯ จะดำเนินการจัดหา พัฒนา ดูแลระบบคราวด์กลางสำหรับข้อมูลสุขภาพที่มีความปลอดภัย พร้อมกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

  "สดช. และ สธ. ในฐานะหน่วยงานรัฐผู้ดำเนินงานให้บริการโครงการคลาวด์กลาง เชื่อมั่นว่าระบบนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการดูแลสุขภาพของประชาชน และเป็นการขับเคลื่อนสู่ Health 4.0 อย่างเป็นระบบ ซึ่งโครงการนี้ไม่เพียงแค่เป็นการปรับปรุงการบริหารจัดการข้อมูลสุขภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนที่สำคัญในการเดินหน้าของประเทศไทยสู่ Health 4.0 ที่จะช่วยสร้างพื้นที่ในการพัฒนาและส่งเสริมนวัตกรรมในด้านสุขภาพอย่างยั่งยืน" นายประเสริฐกล่าว

  ด้านนายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีนโยบายเร่งผลักดันการพัฒนาระบบสุขภาพระดับชาติ เพิ่มขีดความสามารถด้านสาธารณสุขสร้างบทบาทของนวัตกรรมด้านสุขภาพ รวมถึงสร้างสภาพแวดล้อมและโครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพดิจิทัล เพื่อให้ประชาชนทุกคน ทุกพื้นที่ มีโอกาสเข้าถึงบริการทางการแพทย์ใด้อย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขมีการพัฒนาระบบสุขภาพดิจิทัลมาอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญคือ "แอปพลิเคชันหมอพร้อม" แพลตฟอร์มสุขภาพดิจิทัลที่มีผู้ใช้งานกว่า 25.4 ล้านคน รวมถึงการพัฒนาโรงพยาบาลในสังกัดให้เป็นโรงพยาบาลอัจฉริยะ นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการให้บริการ มีการเชื่อมต่อข้อมูลสุขภาพของประชาชนบนฐานข้อมูลที่มีความปลอดภัยช่วยให้ประชาชนเข้ารับบริการได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ลดการรอคอยและลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยผ่านเฟสบุ๊ค เศรษฐา ทวีสิน - Srettha Thavisin ระบุ "ตั้งแต่นี้ไป เราไม่จำเป็นต้องรู้จักหมอแต่หมอจะรู้จักเราและประวัติการรักษาของเราครับ ปลายปีนี้ประชาชนทุกจังหวัดทั่วประเทศจะสามารถใช้สิทธิ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะข้อมูลการตรวจรักษา ผลแล็บ การแพ้ยา แพ้อาหาร เชื่อมโยงกันทั้งหมด  ระบบคลาวด์กลางด้านสาธารณสุข สามารถรวบรวมข้อมูลสุขภาพจากโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศมาไว้บนระบบเดียว ที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับสากล ISO27001 ป้องกันข้อมูลรั่วไหลหรือถูกโจรกรรม เตรียมความพร้อมที่จะพัฒนาไปสู่การให้บริการ Tele Medicine โทรเภสัชกรรม-Tele Pharmacy อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อไปพี่น้องจะไม่ต้องเดินทางไกล ๆ ไปโรงพยาบาลเพื่อรอคอยเข้ารับการรักษาอีกแล้วครับ วันนี้ประชาชนเริ่มใช้บริการได้แล้วในพื้นที่ 12 จังหวัดครับ"

----------------------------

ที่มา https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/81055 และ เศรษฐา ทวีสิน - Srettha Thavisin 

Theme images by fpm. Powered by Blogger.