"เศรษฐา"ประกาศแผนดันไทยสู่ศูนย์กลางการบิน
10 ปีที่แล้ว สนามบินสุวรรณภูมิเคยอยู่ในอันดับที่ 13 ของโลก แต่ปัจจุบันตกอยู่ในอันดับที่ 68 ดังนั้น รัฐบาลมีแผนจะพัฒนาท่าอากาศยานของไทยให้กลับมาติดอันดับ 1 ใน 20 สนามบินที่ดีที่สุดในโลกให้ได้ภายใน 5 ปี ซึ่งเรามี Short-term plan และ Long-term plan ไว้แล้ว ไม่เพียงเท่านี้สนามบินต่าง ๆ ในประเทศจะต้องมีการอัพเกรดเพื่อรองรับทั้งการท่องเที่ยว และการขนส่ง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราจะเปลี่ยนบทบาทของสุวรรณภูมิให้ส่งได้ทั้ง “คน” และ “สินค้า” รัฐบาลมีแผนจะขยายขีดความสามารถให้รองรับผู้โดยสารได้ 150 ล้านคนต่อปี โดยในระยะสั้น จะเร่งแก้ไขคอขวดใน 6 เดือน ซึ่ง AOT (บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) - Airports of Thailand ) ได้เปิดอาคารเทียบเครื่องบิน SAT 1 ไปแล้ว และจะเปิดให้เต็มขีดความสามารถ 100% รองรับผู้โดยสารได้จาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี ขณะเดียวกัน สายการบิน Emirates และ Qatar ก็ได้ให้เกียรติมาเปิด Lounge ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกที่ SAT 1 ด้วย แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของสองสายการบินในศักยภาพของประเทศไทย ในปี 2567 เราเตรียมจะเปิดใช้ Runway 3 จะสามารถรองรับเที่ยวบินจาก 68 เที่ยวต่อชั่วโมง เป็น 94 เที่ยวต่อชั่วโมง และมีแผนจะก่อสร้างขยายอาคารผู้โดยสารทางทิศตะวันออก - ทิศตะวันตก ให้สามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีก 30 ล้านคนต่อปี ในระยะยาว เราจะก่อสร้างอาคารผู้โดยสารทางทิศใต้ ให้รองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีก 60 ล้านคนต่อปี พร้อมก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 4 รองรับเที่ยวบินได้ถึง 120 เที่ยวบินต่อชั่วโมงอีกด้วย
นอกจากขนคนแล้ว เราจะทำศูนย์ขนถ่ายสินค้า Cargo Facility เพิ่ม เพื่อทำให้ไทยเป็น ศูนย์กลางการค้า การขนส่ง ในภูมิภาค CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ มาเลเซีย เวียดนาม ) จุดมุ่งหมายเราคือทำให้ขนส่งสินค้าได้มากขึ้นอีก 2 เท่าตัว พัฒนาระบบขนส่งสินค้า Cold Chain ส่งสินค้าสด ไปจนถึง ยา วัคซีคได้ ด้วยการสร้าง SAT-2 ให้เป็น Cargo Transit Terminal บริษัทขนส่งระดับโลกอย่าง FedEx, DHL หรือ E-Commerce อย่าง Amazon จะมาใช้ไทยเป็น Hub ในการส่งสินค้าไปยังปลายทาง พร้อมทำเขต Free Zone เพื่อให้อุตสาหกรรมส่งออก อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ ยา อุปกรณ์การแพทย์ ไปยังตลาดทั่วโลกได้
สนามบินดอนเมือง ซึ่งเป็นสนามบินหลักสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ และระหว่างประเทศในภูมิภาค รัฐบาลมีแผนจะเปลี่ยนสนามบินให้เป็นสนามบินแบบ POINT-TO-POINT ‘ดอนเมืองเวอร์ชั่นอัพเกรด’ จะมีการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารเดิม และเปลี่ยนอาคาร 1 และ อาคาร 2 เป็นเป็น Domestic Terminal และจะสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศใหม่ ให้รองรับผู้โดยสารได้อีก 23 ล้านคนต่อปี ขยายขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารจากเดิม 30 ล้านคน เป็น 50 ล้านคนต่อปีภายในปี 2573 เมื่อผู้โดยสารมากขึ้น ก็ต้องมีร้านค้า ร้านอาหารมากขึ้น เรามีแผนที่จะสร้าง Junction Building เพื่อเติมร้านค้า ร้านอาหาร และแหล่งท่องเที่ยว ทำให้สนามบินดอนเมืองเป็น Communities mall ที่รวมของฝาก และ OTOP จากทั่วประเทศ พร้อมเพิ่มพื้นที่จอดรถให้จอดได้มากถึง 7,600 คัน โดยในช่วง 3 เดือนนี้เราจะเพิ่มที่จอดให้ได้อีก 1,000 คันก่อน โดยจะย้ายที่จอดของพนักงานไปตึกการบินไทย เป็นการเสียสละของเจ้าหน้าที่ และพนักงาน AOT ที่ทำให้พี่น้องประชาชนไม่ต้องเสียเวลาหาที่จอดอีกแล้ว
นายเศรษฐา กล่าวว่า ตั้งแต่ก่อนที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาล มีเสียงเรียกร้องมาตลอดว่า เราควรต้องขยายสนามบินภูเก็ต แต่ส่วนตัวมองว่าศักยภาพของเราไม่ได้มีเท่านี้ เพราะภาคใต้ไม่ได้มีแค่ภูเก็ต รัฐบาลจึงมีแผนจะสร้าง ‘ท่าอากาศยานอันดามัน’ ที่ จ.พังงา ซึ่งจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 40 ล้านคนต่อปี ทั้งเป็น Hub การบินภาคใต้เชื่อมเส้นทางระยะไกล (Long-Haul Flight) และเที่ยวบินตรงระหว่างประเทศแบบ Point to Point ตรงนี้เป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่จะรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนภูเก็ต พังงา กระบี่ รวมถึงจังหวัดใกล้เคียง โดยเราจะพัฒนาสะพานสารสิน เพื่อรองรับจำนวนรถให้ได้มากขึ้น และให้เรือขนาดใหญ่สามารถแล่นผ่านได้ควบคู่กันไปด้วย
สำหรับท่าอากาศยานภูเก็ตเดิมจะสร้าง Sea Plane Terminal ทำให้เรามี Flight เครื่องบินน้ำ เชื่อมต่อไปยังเกาะสมุย เกาะช้าง เกาะเสม็ด เกาะเต่า เกาะหลีเป๊ะ หรือแม้กระทั่งหัวหิน พัฒนาส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศและก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบิน รองรับผู้โดยสารจากเดิม 12.5 ล้านคนต่อปี เป็น 18 ล้านคนต่อปีภายในปี 2573
ในภาคเหนือราจะมี ‘ท่าอากาศยานล้านนา’ ไว้เทคแคร์จังหวัดต่าง ๆ เพราะสนามบินเชียงใหม่เดิมที่เรามีอยู่ ไม่เพียงพอ รัฐบาลมีแผนจะก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศและปรับปรุงอาคารผู้โดยสารเดิม เพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวจากเดิมได้เพียง 8 ล้านคนต่อปี เป็น 16.5 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2572 จึงมีแผนจะก่อสร้างสนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2 หรือ ท่าอากาศยานล้านนา ให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นอีก 20 ล้านคนต่อปี และจะเป็น Home Base ของสายการบิน อย่างเช่น Thai VietJet ที่ต้องการใช้เชียงใหม่เป็น Hub ในการขนถ่ายผู้โดยสารครับ ซึ่งวันข้างหน้า ผมก็อยากเห็นสายการบินต่าง ๆ ที่อยู่ในประเทศไทยแข่งขันกับ VietJet ด้วย
ขณะที่สนามบินอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น สนามบินน่าน ศรีสะเกษ โคราช ฯลฯ จะยกระดับด้วย เพื่อให้เป็นสนามบินภูมิภาคย่อย ๆ รองรับการท่องเที่ยวเมืองรองที่รัฐบาลกำลังผลักดัน ซึ่งได้มีการพูดคุยประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงอย่างกองทัพอากาศ ทั้งเรื่องตารางการบิน และตารางการฝึกซ้อม เพื่อใช้พื้นที่สนามบินร่วมกัน ไปจนถึงเรื่องความปลอดภัยทั้งบนดิน และบนฟ้า ในรัฐบาลนี้ ความมั่นคง จะต้องควบคู่ไปกับความมั่งคั่ง แผนพัฒนาสนามบิน คือ Hardware เราต้องพัฒนา Software ควบคู่กันไป ให้ระบบบริการผู้โดยสารทันสมัย พัฒนาครัวไทยเป็นครัวของโลก
"รัฐบาลจะยกระดับสนามบินทั่วประเทศ นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกี่ยวกับระบบบริการผู้โดยสารสมัยใหม่เข้ามาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการให้มีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ขยายอุตสาหกรรมการบำรุงรักษา ให้ไทยเป็นศูนย์กลางซ่อมบำรุง ให้เครื่องบินพาณิชย์ และ Private Jet มาไทย ต่อยอดระบบขนส่งและ คลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ Cold Chain กระจายสินค้าไปยัง CLMV ได้ ที่มีประชากรกว่า 280 ล้านคน ทั้งทางบก และทางราง ด้วยรถไฟความเร็วสูง หรือ ไปยังท่าเรือแหลมฉบัง พร้อมส่งเสริม Partnership ระหว่างสายการ บินและอุตสาหกรรมอื่น ๆ ให้เดินทางต่อเนื่องกัน" นายกรัฐมนตรี กล่าวและว่า เราจะร่วมกันพัฒนาการบินไทย อัพเกรดจากสถานะฟื้นฟูหนี้ ให้ใช้หนี้เงิน และใช้หนี้น้ำใจผู้โดยสารชาวไทยได้ ให้กลับมาเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยอีกครั้ง
ขณะเดียวกันจะพัฒนาครัวไทยสู่การเป็นครัวของโลก ผ่านการผลิตอาหารให้กับสายการบินต่าง ๆ ส่งเสริมการใช้ผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพของไทย นำนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในกระบวนการผลิตอาหาร ไปจนถึงต่อยอดเมนูอาหารไทยที่เป็นเอกลักษณ์ของชาติสู่อาหารบนเครื่องบินที่ดีที่สุดในโลก
"ความสุข เป็นความรู้สึกที่ส่งต่อกันได้ การยกระดับทั้งหมดจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีฟันเฟืองที่สำคัญที่สุด คือ เจ้าหน้าที่บุคลากรในสนามบินครับ ปัจจุบันสนามบินบ้านเรามีปัญหาเจ้าหน้าที่ไม่พอ ให้บริการช้า แถวยาว ผมเข้าใจดี ที่ผมไปตรวจสนามบินเมื่อวันก่อน ไม่ได้ไปจับผิด แต่ไปเพราะอยากเข้าใจจริงๆ เราต้องปรับสภาพแวดล้อมการทำงานให้ดี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ให้คนลาออกน้อยลง ปรับจำนวนพนักงานให้สอดคล้องกับผู้โดยสาร Upskill Reskill และสำคัญที่สุด ปรับปรุงเงินเดือน บุคลากรก็จะทำงานอย่างมีความสุข และส่งต่อบริการที่ประทับใจให้ถึงผู้โดยสารได้ครับ"นายกรัฐมนตรี กล่าว
--------------------------