นายกฯยังไม่พอใจแก้หนี้นอกระบบ
จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนน้อยที่สุด 5 ลำดับแรก 1. จังหวัดแม่ฮ่องสอน 250 ราย เจ้าหนี้ 251 ราย มูลหนี้ 16.274 ล้านบาท 2. จังหวัดระนอง351 ราย เจ้าหนี้ 267 ราย มูลหนี้ 24.415 ล้านบาท 3. จังหวัดสมุทรสงคราม 406 ราย เจ้าหนี้ 316 ราย มูลหนี้ 18.819 ล้านบาท 4. จังหวัดสิงห์บุรี 474 ราย เจ้าหนี้ 383 ราย มูลหนี้ 28.483 ล้านบาท และ 5. จังหวัดตราด 479 ราย เจ้าหนี้ 364 ราย มูลหนี้ 21.487 ล้านบาท
ทั้งนี้มีลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยแล้ว 28,725 ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 18,509 ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนการไกล่เกลี่ย 2,626.784 ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย 1,855.474 ล้านบาท มูลหนี้ลดลง 771.309 ล้านบาท จังหวัดที่ไกล่เกลี่ยได้มากที่สุดคือจังหวัดนครสวรรค์ โดยมีลูกหนี้ที่เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย 3,373 ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 518 ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนไกล่เกลี่ย 287.587 ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย 53.511 ล้านบาท
"แม้ปิดรับลงทะเบียนไปแล้ว แต่หากมีประชาชนผู้ที่เดือดร้อนจากหนี้นอกระบบประสงค์จะขอความช่วยเหลือ สามารถโทรสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือสามารถเดินทางไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด/อำเภอ เพื่อให้ทางราชการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาได้ ซึ่งไม่ใช่แค่ปัญหาหนี้นอกระบบแต่รวมถึงปัญหาอื่นๆที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ความไม่เป็นธรรมก็มาขอความช่วยเหลือที่ศูนย์ดำรงธรรมได้ ส่วนการแก้หนี้นอกระบบจะดำเนินการจนกว่ากระบวนการไกล่เกลี่ยจะครบทั้ง 100% ที่ประชาชนมาลงทะเบียนไว้"ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการลงทะเบียนแก้หนี้ทั้งในระบบและนอกระบบตามนโยบายรัฐบาลเริ่มเปิดรับลงทะเบียนมาตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 ถึง 29 กุมภาพันธ์ 2567
ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่พอใจการดำเนินการแก้หนี้และได้เร่งรัดตลอดเวลา ตอยที่พบกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ได้ย้ำไปว่ายังทำได้ไม่ดีพอ และได้คุยเรื่องนี้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอยู่ตลอด
"ที่ผ่านมาพยายามเร่งให้คนมาลงทะเบียนเพิ่มขึ้น ทั้งคนที่ยังไม่มีความเข้าใจระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ หรือลูกหนี้กลัวผู้มีอิทธิพล ซึ่งก็ต้องทำต่อไป"นายกรัฐมนตรี กล่าว