Header Ads

"เศรษฐา"ถกนักธุรกิจฝรั่งเศสขยายการค้า-ลงทุน

     นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงภารกิจเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ และภารกิจคู่ขนานพบปะเจรจากับนักธุรกิจในฝรั่งเศสเพื่อชักชวนให้ลงทุนในประเทศไทย นำสินค้าไทยมาจำหน่ายที่ฝรั่งเศสว่า มีโอกาสพบปะนักธุรกิจ 12 รายครอบคลุมทุกภาคธุรกิจ ทั้งยานยนต์ แฟชั่น โรงแรม เครื่องบิน อาหาร โรงงานอุตสาหกรรม โดยกลุ่มธุรกิจที่ได้พบปะมีดังนี้

1. ACCOR group เป็นกลุ่ม chain โรงแรมใหญ่ที่สุดในโลก โดยในประเทศไทยมีมากกว่า 100 โรงแรมภายใต้แบรนด์ โดยต้องการเข้ามาวางแผนการทำแผนการท่องเที่ยวร่วมกับรัฐบาล และอยากที่จะร่วมทุนกับกองทุนไทย เช่น pension fund เพื่อขยายธุรกิจ – การสร้างโรงแรมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

นอกจากนี้ ทาง ACCOR อยากขยายการลงทุนในไทย ทั้งในเมืองรอง และจังหวัดอื่น ๆ ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวสูง เพื่อพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวที่รัฐบาลจะประกาศให้ประเทศไทยเป็น Tourism hub ในปีหน้า โดย ACCOR พร้อมมาร่วมพูดคุยกับทางรัฐบาลไทยเพื่อวางแผนร่วมกันในการสร้างการขยายตัวการท่องเที่ยวของประเทศไทย

2. บริษัทผลิตยาง Michelin ที่มีสำนักงานของภูมิภาคในประเทศไทย ปัจจุบัน Michelin ใช้ยางพาราในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก จึงขอให้ทางรัฐบาลมีมาตรการส่งเสริมในด้านต่าง ๆ ที่จะเป็นการสนับสนุนธุรกิจในประเทศไทย ขณะที่ขั้นตอนต่าง ๆ ที่มีความล่าช้า นายกฯ ได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงอุตสาหกรรม เร่งรัดดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในด้าน ease of doing business ซึ่ง Michelin มีนโยบาย การลดปริมาณการปล่อยคาร์บอน ซึ่งถือว่าเป็นนโยบายที่ตรงกับรัฐบาล

3. Federation Haute Couture สมาคมแฟชั่นชั้นสูง ซึ่งเป็นองค์กรหลักในการจัดงาน Paris Fashion Week ได้พูดคุยถึงการส่งเสริมอุตสาหกรรมแฟชั่นของไทย และยกระดับ Young Talents Designer ในประเทศให้มีประสบการณ์สัมผัสงานดีไซน์เนอร์ระดับโลก ซึ่งทางสมาพันธ์เองก็ได้ยอมรับในศักยภาพของวงการแฟชั่นไทย และอยากให้มีการส่งเสริมทางด้านการศึกษาอย่างจริงจัง เพื่อเพิ่มโอกาส และศักยภาพให้กับคนไทย ทั้งนี้ นายกฯ ได้ขอความร่วมมือให้กับทางสมาพันธ์ฯ จัดงานกิจกรรม หรือสถาบันการศึกษาในไทย ให้ความรู้กับเยาวชน เพื่อต่อยอดให้เติมเต็มความฝันในการก้าวสู่วงการแฟชั่นโลก โดยนายกฯ ได้เชิญมาทำอีเว้นท์ในไทยช่วงเมษายนนี้ ให้จัดกิจกรรมคล้าย Paris Fashion Show ในกรุงเทพฯ

4. Comité Colbert เป็นองค์กรที่พยายามผลักดันให้แบรนด์ต่าง ๆ ทั่วโลกได้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นองค์กรที่ให้ความรู้แก่แบรนด์ และนักออกแบบทั่วโลก รวมไปถึงในด้าน soft power ด้วย โดยนายกฯ ได้เชิญองค์กรดังกล่าวให้เข้าไปให้ความรู้ โดยผ่านความร่วมมือกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ

5. Michelin guide บริษัทเห็นว่า ไทยมีศักยภาพมากด้านอาหาร พร้อมส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารภายในประเทศไทย เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาหาประสบการณ์ในด้านอาหารในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ไทยหวังที่จะยกระดับความร่วมมือกับ Michelin เพื่อช่วยส่งเสริมในการร่วมจัดงานอีเวนท์ต่าง ๆ ทั้งในไทย และต่างประเทศ เพื่อเป็นการเสริมสร้างศักยภาพของประเทศไทย โดยไตรมาสนี้ ช่วงปลายพฤศจิกายนถึงธันวาคม 2567 จะมาจัดงานเทศกาลอาหารระดับโลกที่จังหวัดเชียงใหม่

6. บริษัท Richemont เป็นกลุ่มบริษัทฯ ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ดังระดับโลก อาทิ Cartier, Van Cleef & Arpels, IWC โดยประเทศไทยมียอดการขายเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งนายกฯ ได้ขอความร่วมมือในการทำ Collaboration กับแบรนด์ของไทย เพื่อส่งเสริมศักยภาพของนักออกแบบไทย รวมถึงวัตถุดิบไทย ที่มีคุณภาพ ตลอดจนเชิญชวนให้มาทำกิจกรรม อาทิ Pop Up store, co-promotion กับกิจกรรมอื่น ๆ ที่จะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว

7. Valeo บริษัทผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบและการผลิตส่วนประกอบ ระบบบูรณาการ และโมดูล สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่มีชื่อเสียงในด้านนวัตกรรมในการพัฒนาและการผลิตเทคโนโลยี สำหรับเครื่องยนต์สันดาปแบบดั้งเดิมและยานพาหนะไฟฟ้า โดยนายกฯ เชิญชวนมาขยายการลงทุนในประเทศไทย ผลักดันการสร้างระบบนิเวศน์ให้กับรถ EV เป็นอีกหนึ่งก้าวที่ขยับเข้าใกล้ Future Mobility Hub และการเป็น Detroit ของเอเชีย

8. บริษัท Airbus Group บริษัทผลิตอากาศยานและระบบป้องกันประเทศที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป เพื่อผลักดันศักยภาพของไทยในการขยายความสามารถการเป็นศูนย์ความเป็นเลิศระดับภูมิภาคด้านการสนับสนุนและบริการปฏิบัติการบิน (Local for Global) อีกทั้ง พร้อมที่จะสนับสนุนในการขยายตัวของการบิน และความต้องการเครื่องบินของไทย

9. บริษัท Forvia เป็นบริษัทที่ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่มีการนำเอานวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ ซึ่งจะนำไปสู่การใช้พลังงานสะอาด สนับสนุนให้โรงงานผลิตที่ยังใช้ระบบ ICE ให้คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอน

10. บริษัท EssilorLuxottica ซึ่งเป็นบริษัทผู้ออกแบบ ผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เลนส์สายตา แว่นกันแดด และกรอบแว่นตาสัญชาติฝรั่งเศส-อิตาลี ดำเนินธุรกิจในไทยมายาวนานกว่า 30 ปี และจะพิจารณาลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทชื่นชมแรงงานฝีมือของไทย และมีแผนที่จะเพิ่มพนักงานจาก 6,000 เป็น 12,000 คน จึงหวังให้รัฐบาลสนับสนุนด้าน Human resource development และอยากให้ไทยเดินหน้าเจรจา FTA กับสหภาพยุโรปให้เสร็จสิ้นโดยเร็วอีกด้วย และบริษัทฯ ขอให้ไทยอำนวยความสะดวกด้านการคมนาคมขนส่งระหว่างลาดกระบัง-ระยอง

11. ได้พูดคุยหารือกับ Stellantis บริษัท ผลิตรถยนต์อันดับ 4 ของโลก ซึ่งได้พูดคุยเพื่อให้เกิดความร่วมมือ ซึ่ง บริษัทฯ สนใจจะลงทุนในไทย ซึ่งรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุน

12. YOUTUBE นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ Global Head of Music ของ youtube เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องธุรกิจดนตรี มาเชิญชวนนายกฯ ให้มีช่อง YouTube เป็นของตัวเองโดยจะส่งหนังสือและส่งลิสต์มาให้ว่ามีผู้นำที่มีช่อง YouTube เป็นของตัวเองแล้วกว่า 20 คนมีใครบ้างและต้องทำอะไรบ้าง โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้พูดกันเกี่ยวกับเป้าหมายที่รัฐบาลไทยกำหนดให้ปีหน้าเป็นปีของมิวสิค festival แนวทางที่จะจัดงานและเชิญนักร้องระดับ A list มาร่วมงาน festival ในไทย

"ผมได้พูดคุยกับ Mr. Lyor Cohen , Global head music of google and YouTube เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาศักยภาพของวงการภาพยนตร์หรือเพลงของไทย  ซึ่งจริง ๆ แล้ว ปัจจุบันมีคนไทยเป็นสมาชิก YouTube อันดับต้น ๆ ของเอเชีย คาดว่าน่าจะมีการใช้ช่องทางนี้ในการขายผลงาน และการโฆษณาได้เป็นอย่างดีครับ นอกจากนี้ผมกับทางยูทูปยังได้หาความร่วมมือในการจัดกิจกรรมหรืออีเวนต์คอนเสิร์ตใหญ่ ๆ ในประเทศไทย โดยจะใช้แพลตฟอร์มของ YouTube เป็นสื่อกลางในการขยายผลไปยังทั่วโลก"

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ได้หารือเพิ่มเติมกับกลุ่มผู้บริหาร Formula E ผู้จัดการแข่งขันรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า โดยทาง Formula E สนใจจัดการแข่งขันรถแข่งแบบ EV ในประเทศไทย ซึ่งนายกฯ จะได้พบกับผู้บริหารอีกครั้ง ในการสำรวจพื้นที่ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในปีหน้า 2568 จะเป็น Golden year of Tourism ของประเทศไทย น

"คุณแพรทองธาร ชินวัตร รองประธานคณะกรรมการซอฟพาวเวอร์ได้ร่วมการหารือกับผู้จัด Formula E และผู้จัดประสงค์จัดการแข่งขันในประเทศไทยถือว่า ตรงตามความต้องการของประเทศไทย โดยที่ทราบว่า ยอดจองรถ EV ในไตรมาส 4 ที่ผ่านมา ยอดจองเป็นรถอีวีกว่า 40% ถือว่ามีอัตราการใช้ที่เยอะมาก ดังนั้น การเจอกันถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า โดยโอกาสนี้ยังได้พูดคุยนัดหมายผู้บริหารเพื่อเยี่ยมชมสถานที่ที่มีศักยภาพสามารถใช้จัดแข่งขันได้ที่ จังหวัดเชียงใหม่ ผู้บริหาร จะเดินทางมาเยี่ยมชม ซึ่งถือเป็นการสนับสนุน green sustainability อีกด้วย"

นายกรัฐมนตรียังได้พบผู้จัดงาน Art Basel ซึ่งเป็นการจัดงานศิลปะระดับโลก การหารือครั้งนี้กับ steering committee ของ Art Basel นายกฯ ได้เชิญชวนผู้จัดงานฯ ให้มาจัดงานศิลปะที่ประเทศไทย เพื่อเป็นโอกาสกระตุ้นการท่องเที่ยวไทย ดึงดูดผู้ชื่นชอบงานศิลปะระดับโลกหลายหมื่นคน มาซื้อขายงานศิลปะในเมืองไทย และนอกจากจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้แล้ว ยังเป็นการเปิดเวทีให้ศิลปินไทยได้แสดงฝีมือ ความคิดสร้างสรรค์ ในงานศิลปะ

สำหรับภารกิจสุดท้ายของนายกรัฐมนตรีคือพบปะผู้บริหารห้างค้าปลีก Tang Fre'res  ซึ่งเป็นซุปเปอร์มาเก็ตขายวัตถุดิบและสินค้าจากเอเชียที่มีสาขามากที่สุดนอกเอเชียครับ  โดย 40% ของผลิตภัณฑ์นำเข้าจากประเทศไทย มี 10 สาขาในปารีสและบริเวณชานเมือง มีกลุ่มลูกค้าเป็นทั้งชาวเอเชียและชาวฝรั่งเศส ข้อมูลที่น่าสนใจคือ ห้างฯ เอาต้นหอมไทยมาขายที่นี่ปีนึงกว่า 60,000 กิโลกรัม    

        "มาคุยวันนี้ก็ตั้งใจที่จะชวนให้เขาซื้อสินค้าจากไทยมากขึ้น เอาสินค้าไทยเข้ามาขายที่นี่เยอะๆ โดยเฉพาะ ผักและผลไม้สดเพื่อกระจายสินค้าต่อไปยังซุปเปอร์มาเก็ตเจ้าอื่นทั่วประเทศฝรั่งเศส และได้แนะนำให้ทางร้านทำมุมพิเศษที่ขายสินค้าไทย ซึ่งถ้าสามารถเจรจา FTA เสร็จสินค้าจากไทยจะเข้ามาได้อีก เช่น ข้าวหอมมะลิที่เป็นที่ต้องการอย่างมาก วันนี้ยังมีปัญหาเรื่องของวิธีการที่จะทำให้สินค้าของเราตรงกับกฏที่เขาควบคุมอยู่ เช่น กระเพรา ซึ่งติดปัญหาตรงการใช้ยาฆ่าแมลง จึงมอบหมายให้ทางกระทรวงพาณิชย์ทำการพูดคุย แล้วเอาตารางมากางเลยว่า มีสินค้าไหนบ้างที่มีปัญหาอยู่ และจะต้องแก้อย่างไรบ้าง"นายกรัฐมนตรี ระบุ

-----------------

ที่มา กรมประชาสัมพันธ์ : https://www.prd.go.th/th/content/category/detail/id/39/iid/267865?fbclid=IwAR19fRrAMBcqNEAH5UzWyTEFftpn9m-mxrJ3mSU1ljjTLhYzf_ekP00zTy8 และ เศรษฐา ทวีสิน - Srettha Thavisin

Theme images by fpm. Powered by Blogger.