Header Ads

มติเอกฉันท์ "เฉลิม" นั่งนายกสมาคมวิชาชีพกำจัดแมลงสมัย 2

ที่ประชุมสมาคมวิชาชีพกำจัดแมลงลงมติเลือก "เฉลิม ถาวรพานิช" นั่งเก้าอี้นายกสมาคมฯเป็นสมัยที่ 2 ชี้ธุรกิจกำจัด ปลวก แมลง และสัตว์รบกวนยังมีโอกาสเติบโตอีกมากจากมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 2,550 ล้านบาท เผยทิศทางตลาดในอนาคตผู้บริโภคให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ ไม่มีกลิ่นฉุน ไม่มีสารตกค้าง มีความปลอดภัยสูงและไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม ด้านประธานที่ปรึกษากิติมศักดิ์สมาคมฯ ระบุกำลังเร่งจัดทำคู่มือกำจัดแมลงและปลวกแจกจ่ายสมาชิกและจำหน่ายให้กับผู้สนใจ เพื่อให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐาน บริการ และวิธีกำจัดแมลง ได้อย่างถูกต้อง 

การจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567  สมาคมวิชาชีพกำจัดแมลง THAI PROFESSIONAL PEST MANAGEMENT ASSOCIATION เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมามีวาระสำคัญคือการลงมติเลือกตั้งนายกสมาคมฯคนใหม่แทนนายเฉลิม ถาวรพานิช ที่หมดวาระการดำรงตำแหน่ง อย่างไรก็ตามเมื่อถึงวาระการเลือกตั้งนายกสมาคมฯ มีสมาชิกเสนอชื่อนายเฉลิม ถาวรพานิช ให้ที่ประชุมเลือกเพียงเดียวทำให้นายเฉลิม ได้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯเป็นสมัยที่สองติดต่อกันโดยมีวาระดำรงตำแหน่งอีก 2 ปี ( 2567-2569 ) เพื่อทำหน้าที่สานงานต่อในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการยกระดับคุณภาพการให้บริการของสมาชิกด้วยการพัฒนาทักษะของบุคคลากรให้สูงยิ่งขึ้น

ภายในการประชุมนอกจากจะมีวาระเลือกนายกสมาคมแล้ว ยังมีการแลกเปลี่ยนมุมมองการทำงานของ  2 ผู้บริหารที่เป็นสมาชิกอยู่ในสมาคมวิชาชีพกำจัดแมลง ได้แก่ บริษัท แอ๊ดวานซ์ กรุ๊ป เอเซีย จำกัด และบริษัท เร็นโทคิล อินนิเชียล (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อให้เห็นถึงแนวทางในการทำธุรกิจอย่างไรให้สามารถประสบความสำเร็จขึ้นเป็นผู้นำอันดับ 1 ของประเทศ ในด้านธุรกิจการบริการกำจัด ปลวก แมลง และสัตว์รบกวน 

นายเฉลิม ถาวรพานิช  นายกสมาคมวิชาชีพกำจัดแมลง เปิดเผยว่า จากที่ได้ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์กำจัดแมลง ปลวก มด พบว่าในปัจจุบันผู้บริโภคจะหันมาสนใจผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ ไม่มีกลิ่นฉุน ไม่มีสารตกค้าง มีความปลอดภัยสูงและไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อ

ส่วนมูลค่าการตลาดรวมของธุรกิจกำจัด ปลวก แมลง และสัตว์รบกวน จากรายงานดัชนีค้าปลีกของ Nielsen พบว่ามีมูลค่าทางการตลาดรวมไม่ต่ำกว่า 2,550 ล้านบาท แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มกำจัดแมลงรวม 59% กลุ่มกำจัดปลวกและแมลงคลาน 24% และกลุ่มกำจัดยุง 17% จากตัวเลขข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ให้เห็นว่าตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์กำจัดแมลง และบริษัทให้บริการรับกำจัดแมลงละสัตว์รบกวนต่างๆ ยังมีช่องว่างและมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก

"ประเทศไทยอยู่ในเขตร้อนชื้นจึงเหมาะกับการเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงไม่ว่าจะเป็น มด ยุง ปลวก แมลงสาบ ฯลฯ ประกอบกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก็มีโครงการต่างๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลาดจึงเติบโตได้อีกมากทั้งในกลุ่มผลตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคซื้อไปใช้เองและกลุ่มธุรกิจที่ให้บริการกำจัดแมลงและสัตว์รบกวนอื่นๆ ซึ่งจะเห็นได้ว่ายอการจดทะเบี่ยนจัดตั้งธุรกิจประเภทนี้มีมากขึ้นเรื่อยๆ" นายเฉลิม กล่าว

ด้านนายศรัณยู กุลทรัพย์ตระกูล Vice President/ Sales And Marketing Manager บริษัท แอ๊ดวานซ์ กรุ๊ป เอเซีย จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา เราเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์บริหารงานด้านบริการกำจัดปลวก และ กำจัดแมลง (Pest Management ) และการให้บริการทำความสะอาด (Cleaning Services ) บริการด้านสุขอนามัยในห้องน้ำ (Hygiene Services) และการที่บริษัทสามารถมียอดขายเติบโตขึ้นเป็นอันดับ 1 มาจากการที่บริษัทมีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 41 แห่ง จึงทำให้บริษัทสามารถเข้าถึงการให้บริการกับลูกค้าได้อย่างทั่วถึงทั้ง 2 กลุ่ม คือ ลูกค้ากลุ่มบ้าน คอนโด และ ลูกค้ากลุ่มองค์กร, บริษัท, โรงงาน, โรงพยาบาล และ อุตสาหกรรมต่างๆ 

"เรามีพนักงานที่มุ่งเน้นเรื่องการบริการที่มีคุณภาพตามระดับมาตรฐาน ISO จึงทำให้ลูกค้าเกิดความวางใจในการเลือกใช้บริการของบริษัท ซึ่งปัจจุบันแบ่งสัดส่วนเป็นกลุ่มลูกค้าบ้าน 70% และ ลูกค้ากลุ่มองค์กร 30% ส่งผลให้ปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดการเติบโต 16% หรือ คิดเป็นยอดขาย 850 ล้านบาท ส่วนปี 2567 บริษัทตั้งเป้าการเติบโต้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 20 % หรือ คิดเป็นยอดขาย 1,300 ล้านบาท" 

นายพงษ์พันธ์ อติชาติภัสสร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เร็นโทคิล อินนิเชียล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เร็นโทคิล อินนิเชียล เป็นบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนลที่ติดอันดับ 1 ของประเทศไทยในด้านของการเป็นผู้เชี่ยวชาญกำจัดปลวก แมลง และสัตว์รบกวน โดยปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราการเติบโต 5% ซึ่งถือว่าดีมาก เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจภายในประเทศไทยเริ่มปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจร้านอาหาร, โรงแรม, สถานที่ท่องเที่ยว ที่จำเป็นต้องใช้บริการด้านการกำจัดปลวก แมลง และสัตว์รบกวน เพื่อไม่ให้สิ่งเหล่านี้มารบกวนทำลายธุรกิจมากขึ้น

"เราเป็นบริษัทที่คำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้า เนื่องจากวิธีกำจัดแมลงต้องเกี่ยวข้องกับการใช้สารเคมีจำนวนมาก ดังนั้นบริษัทจึงมุ่งเน้นเรื่องคุณภาพของสินค้าและความปลอดภัย มีความคุ้มค่าในเรื่องของราคาถ้าเทียบกับคุณภาพของสินค้า ประกอบกับบริษัทยังมุ่งเน้นเรื่องของการพัฒนาบุคลากรที่ออกไปให้การบริการกับลูกค้าที่ไม่เพียงแต่มีคุณภาพที่ดี แต่ยังมีการนำเครื่องมือด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยปรับปรุงพัฒนาเพื่อยกระดับคุณภาพในเรื่องของการบริการกำจัดแมลงให้ดียิ่งขึ้นด้วย" นายพงษ์พันธ์ กล่าวและว่า ในปี 2567 จากการดูแนวโน้มของเศรษฐกิจประเทศไทยที่เริ่มกลับมาดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ก็จะช่วยทำให้อัตราการเติบโตของบริษัทในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 6% 

นายสุทิยา ศิริเจริญ ประธานที่ปรึกษากิติมศักดิ์ สมาคมวิชาชีพกำจัดแมลง กล่าวถึง 1 ใน 9 โร้ดแม็ป ของสมาคมวิชาชีพกำจัดแมลงที่จะทำให้เสร็จในไตรมาสแรกของปี 2567 เพื่อเป็นยกระดับด้านการบริการให้สามารถเต็มเปี่ยมไปด้วยองค์ความรู้และทักษะมากขึ้นเพื่อมุ่งส่งเสริมให้สมาชิกทุกคนเกิดการวิวัฒนาการด้านการบริการ คือ " การจัดทำคู่มือกำจัดแมลงและปลวก" เป็นการพิมพ์แบบ 4 สี 4 หน้า จำนวน 100 หน้า ที่ครอบคลุมเนื้อหาความรู้ด้านกำจัดแมลงต่างๆ ถึง 11 บทเรียน โดยเนื้อหาทั้งหมดนี้ถ้าอ่านจบจะช่วยให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐาน บริการ และวิธีกำจัดแมลง ได้อย่างถูกต้อง 

ประกอบกับทางสมาคมฯ ยังคงมีนโยบายให้สมาชิกมุ่งเน้นการใช้สารเคมี และอุปกรณ์เครื่องมือในการกำจัดแมลงอย่างคุณภาพ รวมถึงอนาคตจะพบปะกับ 2 หน่วยงานรัฐ คือ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อไปผลักดันอะไรต่างๆ มากขึ้น เช่น เรื่องการขึ้นทะเบียนยากำจัดแมลง และ การไปแจ้งโรคอุบัติใหม่ที่เกิดจากแมลง เป็นต้น 

ด้านนายธนาวุฒิ ศิริเรือง  อุปนายกสมาคม กำจัดแมลง ฝ่ายบริหาร สมาคมวิชาชีพกำจัดแมลง กล่าวว่า ปัจจุบันสมาคมฯ มีสมาชิกใหม่เข้ามาเพิ่มเป็น 50 บริษัท สิ่งหนึ่งที่สมาคมฯ จะทำในปี 2567 คือ การจัดประชุมสัญจรแบางปันความรู้ประสบการณ์เพื่อเพิ่มทักษะการให้บริการและยกระดับคุณภาพการให้บริการให้ได้มาตรฐานเดียวกันมากขึ้นทั้งบริษัทที่เป็นสมาชิกสมาคมฯและผู้ให้บริการท้องถิ่นโดยจะมีโครงการนำร่องที่จังหวัดขอนแก่นเป็นที่แรก


Theme images by fpm. Powered by Blogger.