วิบากกรรม "แจกเงินหมื่น"
นโยบายแจกเงินหมื่นที่พรรคเพื่อไทยใช้หาเสียงจนประสบความสำเร็จ แม้จะไม่ชนะการเลือกตั้งก็ยังได้เข้ามาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ช่วงที่ผ่านมาถึงจะมีเสียงคัดค้านดังระงมออกมาจากหลายฝ่าย
แต่พรรคเพื่อไทยก็ยังประกาศเดินหน้าทำตามนโยบายอย่างเต็มที่ โดยใช้วิธีคิดไปทำไป ติดตรงนั้นก็เลี่ยงมาตรงนี้ เพื่อผลักดันนโยบายแจกเงินหมื่นออกมาให้ได้ เช่น จากไม่กู้เงินมาแจกก็ปรับเป็นกู้ วิธีกู้เมื่อบอกว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน แทนที่จะออกเป็นพระราชกำหนด ก็เปลี่ยนมาออกเป็นพระราชบัญญัติ
จนถูกมองว่าจะยืมมือสภาตีตกร่างกฏหมายจะได้ดูไม่น่าเกลียดเวลาไปบอกประชาชนว่าทำไม่ได้แล้ว
หรือยืมมือคนในสภาไปร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าทำได้หรือไม่เหมือนกรณีจะออกพระราชบัญญัติกู้เงิน 2 ล้านล้านมาพัฒนาโครงสร้างคมนาคมขนส่งของประเทศสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ถูกตีตกในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ
แม้หลายฝ่ายเชื่อว่าโอกาสไม่ได้ทำสูงกว่าโอกาสที่จะได้ทำ
แต่รัฐบาลเพื่อไทยก็ใช้การเด้งเชือกซื้อเวลาด้วยการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาดำเนินการโดยดึงหลายฝ่ายเข้ามานั่งเป็นกรรมการ
ซื้อเวลาจนคนส่วนใหญ่ไม่เชื่อแล้วว่านโยบายแจกเงินหมื่นเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้อง "เร่งทำ"
ขณะที่ในฝากฝั่งของคนไม่เห็นด้วยเสียงก็เริ่มดังมากขึ้นเรื่อยๆ และเพิ่มมีน้ำหนักมากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสียงคัดค้านจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ที่ดูจะมีน้ำหนักมากกว่าเสียงคัดค้านที่ดังมาจากส่วนอื่น
ที่เสียงค้านของป.ป.ช.มีน้ำหนักมากกว่าเพราะมีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วจากนโยบายจำนำข้าว ที่ป.ป.ช.คัดค้านแล้ว แต่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่รับฟัง เดินหน้าทำตามนโยบายเต็มตัว สุดท้ายตัวเองต้องออกไปอยู่ต่างประเทศ ข้าราชการและนักการเมืองอีกหลายคนที่ทำตามนโยบายต้องเข้าไปนอนอยู่ในุกจนถึงทุกวันนี้
ถ้าดูจากเสียงค้านของป.ป.ช. จากเอกสารที่ (ตั้งใจ) หลุดออกมา แม้จะยังไม่เป็นทางการ แต่ก็จะเป็นเสียงค้านที่เป็นทางการในอีกไม่นานต่อจากนี้
ตามเอกสารมีทั้งข้อห่วงใยในความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดการทุจริตในการทำตามนโยบาย ข้อห่วงใยในความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ ที่ป.ป.ช.เห็นตรงกับอีกหลายส่วนที่ว่าเศรษฐกิจไม่ได้อยู่ในภาวะวิกฤตจนต้องหว่านแจกเงินหมื่น
นอกจากนี้ป.ป.ช.ยังชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงด้านกฎหมายที่อาจจะผิดต่อกฎหมายหลายฉบับ แถมยังบอกด้วยว่ามองไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องใช้เทคโนโลยรบล็อกเชน (Blockchain) มากกว่าใช้แอปเป๋าตัง
แถมยังฝากการบ้านไปถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าถึงเวลาหรือยังที่จะต้องเข้มงวดกับนโยบายหาเสียงของพรรคการเมือง ไม่ควรปล่อยให้นักการเมือง พรรคการเมืองหาเสียงโดยไม่รับผิดชอบแบบ "พูดแล้วทำไม่ได้" หรือทำได้แต่ "ไม่ตรงปก" เหมือนตอนหาเสียงเอาไว้
ป.ป.ช.ไม่ได้มีเพียงข้อท้วงติง แต่ยังมีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลพรรคเพื่อไทยอีก 8 ข้อด้วย ซึ่งไปหาอ่านรายละเอียดกันได้
เสียงทักท้วงของป.ป.ช. แม้จะยังไม่เป็นทางการ แต่ก็ทำให้ บอร์ดดิจิทัลวอลเล็ต ต้องเลื่อนประชุมออกไปอย่างกระทันหัน เพื่อรอดูหนังสืออย่างเป็นทางการจากป.ป.ช.
ที่สำคัญคือรอนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีกลับจากประชุม World Economic Forum ในวันที่ 19 มกราคม นี้ก่อน เพื่อให้มาตัดสินใจร่วมกันว่า "จะไปต่อ" หรือ "พอแค่นี้"
------------------------------------
จับกระแสการเมือง : เขียนโดย / สมศักดิ์ ไม้พรต