ธปท.แจงยิบดราม่าดอกเบี้ย-กำไรแบงก์พาณิชย์
ดร.ปิติ ดิษยทัต ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในการแถลงข่าววันที่ 15 มกราคม 2567 เกี่ยวกับเรื่องดอกเบี้ยนโยบายที่เป็นประเด็นดราม่ากันอยู่ในตอนนี้โดยระบุว่า ปัญหาของเศรษฐกิจเชิงโครงสร้างที่สะสมมานานนโยบายการเงินไม่สามารถจะแก้ได้ง่ายๆ เพราะหลายอย่างต้องใช้ยาที่ตรงกับต้นตอของปัญหา ซึ่ง ธปท.และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและไม่ได้คิดว่าไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม
"การจะใช้นโยบายลดอัตราดอกเบี้ย มีต้นทุนและมีความเสี่ยง ซึ่งต้องใช้อย่างระมัดระวัง ความเสี่ยงนั้นไม่ได้มีแค่เรื่องของเงินเฟ้อ แต่เป็นปัญหาที่จะตามมาภายหลัง ซึ่งยากที่จะแก้ เช่น การก่อหนี้เกินตัว ภายใต้กรอบเงินเฟ้อเป้าหมาย (Inflation Targeting) แบบยืดหยุ่นไม่ได้ดูเพียงเงินเฟ้อระยะสั้น แต่ต้องดูและช่างน้ำหนักหลายปัจจัยอย่างรอบด้าน และต้องมองไปข้างหน้าในระยะปานกลางด้วย เพราะนโยบายการเงินต้องใช้เวลาก่อนส่งผ่านไปเศรษฐกิจจริง"
ทั้งนี้ นโยบายการเงินจะพิจารณา 3 ส่วนหลัก ได้แก่
1. เศรษฐกิจขยายตัวอย่างยั่งยืน ซึ่งตอนนี้เศรษฐกิจฟื้นตัวแล้ว จากการกลับมาของนักท่องเที่ยว ซึ่งส่งผลดีต่อภาคบริการ และอุปสงค์ภายในประเทศ ซึ่งตอนนี้ต้องบอกว่าฟื้นตัวกลับมาเกินกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 แล้ว เพียงแต่การฟื้นตัวยังไม่ทั่วถึงเท่านั้น อีกประเด็นคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังไม่สมดุลเพราะภาคการผลิต การส่งออกยังไม่กลับมาเต็มที่เนื่องจากการฟื้นตัวอุปสงค์โลกยังอยู่ที่ภาคบริการเป็นหลัก อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในปีนี้การขยายตัวของเศรษฐกิจจะสมดุลมากขึ้น แต่ก็อาจจะติดปัญหาตรงที่ารฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศมีไม่มากเท่าที่ควร
"ถ้าถามว่าเศรษฐกิจยังไม่ขยายตัวเต็มที่ทำไมไม่ลดดอกเบี้ย คำตอบคือที่เศรษฐกิจยังไม่ขยายตัวอย่างเต็มที่และไม่สมดุลมาจากปัญหาเชิงโครงสร้างในประเทศ และปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุมในต่างประเทศ การลดดอกเบี้ยไม่ได้ช่วยให้เราส่งออกดีขึ้น หรือเพิ่มเสน่ห์ให้การท่องเที่ยวได้มากขึ้น"
2.เงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายอย่างยั่งยืน กรณีที่เงินเฟ้อปัจจุบันที่อยู่ในระดับต่ำหรือติดลบเล็กน้อย ถือเป็นเรื่องดีที่ทำให้ประชาชนไม่มีภาระค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งส่วนหนึ่งที่ทำให้เงินเฟ้อลดต่ำลงคือราคาสินค้าบางตัวที่ลดราคาลงหลังจากที่ปรับเพิ่มขึ้นมากก่อนหน้านี้ เช่น ราคาพลังงาน ราคาเนื้อสัตว์ อย่างไรก็ตามการลดราคาลงเกิดจากมาตรการอุดหนุนของภาครัฐ หากไม่มีมาตรการอุดหนุนเงินเฟ้อก็ยังบอกอยู่ แต่ก็อยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้หากพิจารณารายสินค้าจะเห็นว่าร้อยละ 75 ยังปรับตัวเพิ่มอยู่การที่ตัวเลขเงินเฟ้อติดลบ ไม่ได้หมายความว่าราคาสินค้าปรับตัวลดลงถ้วนหน้า ไม่ได้สะท้อนกำลังซื้อที่หดไป ไม่ใช่ภาวะเงินฝืด
"ถ้าถามว่าทำไมเงินเฟ้อติดลบแล้วไม่ลดอัตราดอกเบี้ย เหตุผลหลักๆ มี 4 ข้อคือ 1.ปัจจัยเฉพาะที่ไม่ยั่งยืน 2. การลดนี้ไม่ได้สะท้อนกำลังซื้อที่แผ่ว 3. เงินเฟ้อคาดการณ์ยังยึดเหนี่ยวที่ 2% และ 4. การลดลงของเงินเฟ้อส่วนหนึ่งสะท้อนปัญหาอุปทานที่คลี่คลายลงในบางสินค้า ซึ่งกนง.คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะติดลบต่อเนื่องในเดือนกุมภาพันธ์และจะขยับตัวกลับสู่กรอบเป้าหมายที่ 1-2% ในปีนี้"
3. เสถียรภาพของการเงิน ซึ่ง กนง.ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างหนี้ที่เพิ่มขึ้น ราคาสินทรัพย์ และการแสวงหาผลกำไร (Search for Yield) โดยปัญหาที่ไทยเผชิญ ณ ตอนนี้ คือหนี้ระดับสูงที่ฉุดกำลังซื้อประชาชนและทำให้เศรษฐกิจมีความเปราะบางลเความสามารถการรองรับแรงกระแทกจากปัจจัยนอกประเทศ ทำให้การกำหนดอัตราดอกเบี้ยงต้องคิดถึงเรื่องนี้ด้วย เพราะถ้าอัตราดอกเบี้ยต่ำเกินไปจะทำให้ประชาชนและภาคเอกชนกู้มากขึ้น ซึ่งหากรายได้ในอนาคตต่ำกว่าที่คาดการณ์ก็จะมีปัญหาการชำระหนี้ เหมือนที่เรามีปัญหาอยู่ในตอนนี้ที่หนี้ครัวเรือนและหนี้ภาคธุรกิจอยู่ในอัตราสูง
"การจะบรรลุทั้ง 3 เป้าหมายที่กล่าวว่า กนง.จำเป็นต้องพพิจารณาหลายมิติ นอกเหนือจากอัตราดอกเบี้ย จะต้องผสมผสานเครื่องมืออื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะมาตรการทางการเงินที่สามารถแก้ไขปัญหาตรงจุดมากกว่า การกำหนดอัตราดอกเบี้ย ก็ต้องพยายามให้มันอยู่ในระดับที่พอดี ไม่สูงเกินไปที่จะเป็นอุปสรรคต่อเศรษฐกิจ ไม่ต่ำเกินไปที่จะสร้างปัญหาเชิงเสถียรภาพ ทั้งภายในและในต่างประเทศ และไม่สะสมความไม่สมดุลทางการเงิน กนง.พร้อมที่จะดูทุกข้อมูลที่เข้ามาเพื่อปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับความเป็นจริง"
ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธปท. ยังกล่าวถึงเสียงวิจารณ์ธนาคารพาณิชย์มีกำไรจำนวนมากจนถูกมองว่าเอาเปรียบผู้บริโภคว่า หลังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นนี้ทำให้ธนาคารพาณิชย์พูดคุยเรื่องนี้กันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ส่วนต่างดอกเบี้ยระหว่างเงินกู้และเงินฝาก (NIM) ที่เพิ่มขึ้นนั้น มาจากการบริหารสินทรัพย์และหนี้สิน ซึ่งต้องเข้าไปดูว่ามีตัวไหนที่จะทำให้รายรับด้านดอกเบี้ยหายไปได้บ้าง เช่น ช่วงที่ผ่านมาที่ไม่ให้คิดดอกเบี้ยทบต้น ก็เป็นส่วนหนึ่งให้รายรับด้านดอกเบี้ยหายไปเช่นกัน ส่วนเรื่องการแข่งขันที่จะทำให้อัตราค่าบริการของลูกค้าถูกลงนั้น ธปท.ออกใบอนุญาตธนาคารเพิ่มเติมผ่านธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) แล้ว 3 แห่ง ซึ่งเป็นระยะเริ่มต้นซึ่งต้องติดตามประเมินผลต่อไป
-----------------------
ภาพประกอบจากเว็บไซต์ธนาารแห่งประเทศไทย : https://www.bot.or.th/th/news-and-media/news/news-20240115.html