ทำความรู้จัก “G-Token” จุดเริ่มของการลงทุนภาครัฐยุคดิจิทัล?
คอลัมน์ จับกระแสบ้านเมือง..โดย นายนิรนาม.. เว็บไวต์ โลกธุรกิจ.. เผยแพร่ 14 พฤษภาคม 2568
เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีมีมติสำคัญที่อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนของระบบการเงินการคลังของไทยในอนาคต เมื่อมีมติเห็นชอบให้กระทรวงการคลังออกโทเคนดิจิทัลของรัฐบาล หรือ Government Token (G-Token) เป็นเครื่องมือใหม่ในการระดมทุนภาครัฐ ภายใต้กรอบกฎหมายการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เป้าหมายของ G-Token ไม่ใช่เพียงเพื่อ “กู้เงิน” แต่เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงการลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในรูปแบบใหม่ สะดวก โปร่งใส ปลอดภัย และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัยรองรับเศรษฐกิจยุคใหม่
G-Token คืออะไร?
G-Token คือ โทเคนดิจิทัลประเภทระดมทุน (Investment Token) ซึ่งรัฐบาลจะออกเป็นหลักทรัพย์ในรูปแบบดิจิทัลแทนพันธบัตรหรือสินทรัพย์เดิม โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain เป็นแกนหลักในการบันทึกและตรวจสอบข้อมูล
ในเชิงกฎหมาย ถือเป็นการ "ออกตราสารหนี้ภาครัฐ" รูปแบบใหม่ แต่ต่างจากพันธบัตรตรงที่ผู้ถือ G-Token อาจได้รับสิทธิพิเศษ เช่น ดอกเบี้ยที่กำหนดแบบยืดหยุ่น ผลตอบแทนตามโครงการ หรือสิทธิ์แลกเปลี่ยนกับบริการของรัฐในอนาคต (แล้วแต่การออกแบบในแต่ละรอบ)
ประชาชนเกี่ยวข้องอย่างไร?
จุดแข็งของ G-Token คือ การเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าร่วมลงทุนได้โดยตรง ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลของรัฐหรือพันธมิตร (เช่น Mobile App, E-wallet หรือ Exchange ที่ได้รับอนุญาต)
ไม่ต้องมีบัญชีธนาคารขนาดใหญ่
เริ่มต้นลงทุนได้ในจำนวนเงินน้อย เช่น 100 บาท
ตรวจสอบความโปร่งใสแบบเรียลไทม์ ผ่าน Smart Contract และ Distributed Ledger
นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ “คนธรรมดา” สามารถร่วมถือหนี้รัฐบาลแบบง่าย ๆ เสมือนถือพันธบัตร แต่ไม่ต้องผ่านขั้นตอนทางการเงินแบบเดิมที่ยุ่งยากหรือสงวนไว้เฉพาะนักลงทุนรายใหญ่
ประโยชน์ที่รัฐตั้งใจผลักดัน
ขยายฐานผู้ลงทุน เพิ่มสภาพคล่องและกระจายความเสี่ยงในระบบการเงิน
ลดต้นทุนการออกพันธบัตร ไม่ต้องพึ่งแต่ธนาคารหรือสถาบันการเงินขนาดใหญ่
ส่งเสริมการรู้เท่าทันทางการเงิน (Financial Literacy)
ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล ผ่านการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในภาครัฐ
ยกระดับความโปร่งใส และตรวจสอบได้ในกระบวนการกู้เงินและใช้หนี้ของรัฐ
มีประเทศไหนใช้ G-Token หรือยัง?
มีหลายประเทศที่เริ่มใช้แนวทางใกล้เคียงกับ G-Token หรือมีการทดลองระดมทุนภาครัฐผ่านโทเคนดิจิทัล เช่น:
ฝรั่งเศส : กระทรวงการคลังทดลองออกพันธบัตรบนระบบบล็อกเชนของธนาคารกลาง เพื่อทดสอบระบบชำระเงินแบบไม่ผ่านธนาคาร
สิงคโปร์ : โครงการ "Project Guardian" ทดลองใช้โทเคนในการลงทุนในสินทรัพย์ของรัฐผ่านแพลตฟอร์ม Tokenization
จีน : พัฒนา Digital Yuan (e-CNY) และเชื่อมโยงกับระบบชำระเงินของรัฐบางโครงการ
เอลซัลวาดอร์ : ออก “Bitcoin Bond” เพื่อระดมทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐาน โดยใช้บล็อกเชนเป็นฐาน
ข้อดี-ข้อเสียจากตัวอย่างจริง
✅ ข้อดี:
การเข้าถึงของประชาชนดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มไร้บัญชีธนาคาร
ระบบโปร่งใส ลดโอกาสทุจริต
รัฐสามารถควบคุมต้นทุนการระดมทุน
ส่งเสริมการศึกษาและเทคโนโลยีใหม่
⚠️ ข้อควรระวัง:
ความผันผวนของระบบดิจิทัล หากไม่มีระบบควบคุม
ความเสี่ยงด้านไซเบอร์และความปลอดภัยของผู้ถือ Token
ต้องมีความรู้ทางการเงินขั้นต่ำ
หากไม่บริหารการตลาดดี อาจมี “Over-Expectation” แล้วประชาชนไม่เข้าร่วม
จุดเริ่มต้นของเศรษฐกิจดิจิทัลในภาครัฐ?
การออก G-Token คือก้าวสำคัญที่ภาครัฐพยายามเชื่อมโยงนโยบายการคลังแบบเดิมกับเทคโนโลยีใหม่เพื่อสร้างระบบที่ “เปิดกว้าง โปร่งใส และมีส่วนร่วม” มากขึ้น
คำถามสำคัญไม่ใช่แค่ “จะออกเมื่อไหร่?”
แต่คือ “จะทำอย่างไรให้ประชาชนเข้าใจ เชื่อมั่น และเข้าร่วมจริง?”
นโยบายนี้อาจประสบความสำเร็จหากภาครัฐสามารถสร้าง “ความเข้าใจ” และ “ความเชื่อมั่น” ได้ควบคู่กับการจัดการความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ
หากทำได้สำเร็จ G-Token อาจเป็นจุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของการคลังไทย - ที่เริ่มต้นจากมือถือของประชาชนธรรมดา