Header Ads

คนไทยครึ่งประเทศเงินสำรองไม่ถึง 1 เดือน ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลร่วงหนัก

คอลัมน์จับกระแสการเมือง..โดยคนนิรนาม..เว็บไซต์โลกธุรกิจ..เผยแพร่ 11 พฤษภาคม 2568
จากการสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศของ "สวนดุสิตโพล" มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ระหว่างวันที่ 6–9 พฤษภาคม 2568 พบสัญญาณเตือนภัยทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในสังคมไทย เมื่อประชาชนกว่าร้อยละ 92 ของกลุ่มตัวอย่าง แสดงความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะเรื่อง ราคาสินค้าแพงขึ้น (73.23%) และ ค่าครองชีพที่เพิ่มสูง (67.36%) ซึ่งสะท้อนความเปราะบางเชิงโครงสร้างในระบบเศรษฐกิจฐานราก

เงินสำรองฉุกเฉินต่ำ: จุดอ่อนสำคัญ

ข้อมูลที่น่าห่วงที่สุดจากการสำรวจครั้งนี้ คือ ประชาชนเกือบครึ่งหนึ่ง (48.32%) มีเงินสำรองฉุกเฉินใช้จ่ายได้ ไม่ถึง 1 เดือน หากขาดรายได้ ซึ่งบ่งชี้ถึงความเสี่ยงด้านความมั่นคงทางการเงินของครัวเรือนไทย ทั้งนี้ แม้ประชาชนจำนวนมากพยายามปรับตัวด้วยการ ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น (77.37%) และ ลดการก่อหนี้ใหม่ (63.96%) แต่เมื่อรายได้ไม่สามารถไล่ทันค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น การแก้ไขปัญหาจึงยังไม่บรรลุผลเต็มที่

นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ชี้ว่า ภาพรวมสะท้อนชัดถึง "ความพยายามอยู่รอด" ท่ามกลางความเปราะบางทางเศรษฐกิจ พร้อมเตือนว่าหากไม่มีมาตรการเชิงรุกที่มีประสิทธิภาพจากภาครัฐ การขาดเงินสำรองฉุกเฉินในระดับครัวเรือนจะทำให้เศรษฐกิจไทยเปราะบางยิ่งขึ้นในระยะยาว

ปัจจัยภายนอกกดดัน - เชื่อมั่นรัฐบาลลดฮวบ

ว่าที่ร้อยเอกศักดา ศรีทิพย์ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิเคราะห์ว่า ปัจจัยลบจากภายนอกอย่าง การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ และ เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่กระทบการท่องเที่ยว กำลังซ้ำเติมเศรษฐกิจไทย ซึ่งสองภาคส่วนนี้มีสัดส่วนสำคัญต่อ GDP ประเทศ จึงไม่น่าแปลกใจที่ประชาชนจะรู้สึกกังวลเป็นพิเศษ

ยิ่งไปกว่านั้น ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการรับมือกับสถานการณ์กลับอยู่ในระดับต่ำมาก โดย ร้อยละ 76.06 ไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะแก้ไขปัญหาได้ ข้อมูลนี้สะท้อนปัญหาความน่าเชื่อถือในนโยบายเศรษฐกิจและการทูตเชิงพาณิชย์ที่ยังไม่เห็นผลอย่างชัดเจน

เศรษฐกิจไทยเข้าสู่โหมดเสี่ยงถดถอย (Recession)

ด้วยภาวะเงินตึงตัว การลดการบริโภคภายในประเทศ และความไม่แน่นอนด้านการส่งออก เศรษฐกิจไทยอาจกำลังเคลื่อนเข้าสู่ภาวะถดถอย (Economic Recession) อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ว่าที่ร้อยเอกศักดาเน้นย้ำว่า ไทยจำเป็นต้องหาทางเจรจากับสหรัฐฯ อย่างมีชั้นเชิง เพื่อรักษาผลประโยชน์ทางการค้า โดยไม่ยอมให้เกิดการเสียเปรียบเชิงโครงสร้าง

บทสรุป: ทางรอดที่ยังไม่ชัดเจน

ท่ามกลางแรงกดดันทั้งในและนอกประเทศ การฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยจำเป็นต้องอาศัยทั้ง มาตรการเร่งด่วนในระดับมหภาค และ การเสริมสร้างเสถียรภาพทางการเงินในระดับครัวเรือน ควบคู่กัน หากปล่อยให้เศรษฐกิจทรุดตัวลงต่อไปโดยไม่มีมาตรการเชิงรุกที่เด็ดขาด ความเปราะบางที่เห็นจากข้อมูลวันนี้ อาจบานปลายกลายเป็นวิกฤติในวันหน้า

Theme images by fpm. Powered by Blogger.