"คำถาม" และ "คำตอบ" ที่ได้จากการเลือกตั้ง อบจ.
คอลัมน์..จับกระแสการเมือง..โดย สมศักดิ์ ไม้พรต..เว็บไซต์ โลกธุรกิจ..เผยแพร่ 9 ก.พ. 68
การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และสมาชิกสภาองค์การบริการส่วนจังหวัด ที่ผ่านมา ยังมีควันหลงหลายแง่มุมให้ได้พูดถึงอยู่พอสมควร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกรณีที่มีผู้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งไม่มากนัก ที่มีการถกเถียงกันอยู่ว่าเป็นเพราะอะไรคนถึงไม่ค่อยออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
อีกประเด็นที่เป็นที่ถกเถียงกันคือการเลือกตั้งท้องถิ่นจะมีผลกระทบถึงการเลือกตั้งระดับชาติที่จะมีขึ้นในอนาคตข้างหน้าหรือไม่?
ที่ผ่านมามีโอกาสได้ฟังความเห็นอย่างหลากหลายจากนักวิชาการ นักวิเคราะห์การเมือง ตลอดจนนักการเมือง แต่ยังไม่มีโอกาสได้ฟังความคิดอ่านของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่าเขามีความคิดเห็นอย่างไร?
ทำไมไม่ออกไปเลือกตั้ง และการเลือกตั้งท้องถิ่นจะมีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกตั้งระดับชาติหรือไม่?
นับเป็นโอกาสดีที่ “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศ เป็นการสำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม ใช้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,386 คน ระหว่างวันที่ 4-7 กุมภาพันธ์ 2568 จากนี้ไปคือผลที่ได้จากการสำรวจ
กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 63.28 ไปเลือกตั้งนายก อบจ. เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 68 ที่ผ่านมา ร้อยละ 36.72 ไม่ได้ไปเพราะติดภารกิจ ต้องทำงาน สาเหตุที่ทำให้จำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้น้อยกว่าที่คาดการณ์เป็นเพราะติดธุระ ไม่สะดวกในการเดินทางไปใช้สิทธิ ร้อยละ 68.99 รองลงมาคือ ตรงกับวันเสาร์ ร้อยละ 47.18
ทั้งนี้กลุ่มตัวอย่างมองว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นกับการเลือกตั้งระดับชาติมีความแตกต่างกัน ร้อยละ 52.89 เพราะผู้สมัครท้องถิ่นเป็นคนในพื้นที่ รู้และเข้าใจปัญหาของชุมชนได้ดี มีความใกล้ชิดประชาชนมากกว่า โดยสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเลือกตั้งนายก อบจ. ครั้งนี้ คือ ประชาชนมีแนวคิดใหม่ ๆ ในการเลือกผู้บริหารท้องถิ่น ร้อยละ 54.91 สุดท้ายในแง่ของผลการเลือกตั้งที่ส่งผลต่อการพัฒนาพื้นที่จังหวัดนั้นอาจต้องรอดูผลลัพธ์ในระยะยาว ร้อยละ 26.98
นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ควันหลงการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้สะท้อนถึงความซับซ้อนของอำนาจในแต่ละพื้นที่ ผู้ใช้สิทธิที่ลดลงจากความไม่สะดวกและการเลือกตั้งที่ตรงกับวันเสาร์และการตั้งคำถามถึงการประชาสัมพันธ์ของ กกต. สร้างความสงสัยให้กับประชาชน สำหรับพรรคการเมืองที่ลงสนามแบบเปิดหน้า การเลือกตั้งครั้งนี้ชี้ให้เห็นชัดว่า ประชาชนต้องการ “ผู้นำใกล้ชิด” และ “เข้าใจพื้นที่” มากกว่าผู้นำในเชิงนโยบายกว้าง ๆ ซึ่งแตกต่างจากการเมืองระดับชาติ
ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์อัญชลี รัตนะ อาจารย์ประจำหลักสูตรรัฐศาสตร์ โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต อธิบายว่า หากพิจารณาสถิติของผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 1 ก.พ.2568 เป็นตัวชี้วัดการทำงานของ กกต. ก็คงต้องกล่าวว่าประสบความล้มเหลวในด้านการส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน เนื่องจากจำนวนประชาชนที่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง มีสัดส่วนเพียง 58% เมื่อเทียบกับการเลือกตั้ง อบจ. ทั่วประเทศในวันที่ 20 ธ.ค.2563 ซึ่งมีสัดส่วน 62.86% ลดลงถึง 4.86%
จากผลสำรวจพบว่าสาเหตุที่ทำให้จำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้น้อย เนื่องจากประชาชนไม่สะดวกในการเดินทางไปใช้สิทธิ เพราะติดภารกิจ และเป็นวันเสาร์ ประชาชนที่ทำงานในภาคเอกชนบางบริษัทยังคงต้องทำงานตามปกติ ซึ่งมีความสอดคล้องกับเสียงสะท้อนของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ ผลกระทบที่ตามมาคือ ทำให้ประชาชนที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิถูกจำกัดสิทธิจากเหตุไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง 5 ประการเป็นเวลา 2 ปี เว้นแต่ได้แจ้งเหตุจำเป็นที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งในช่วงระยะเวลาที่กำหนด คือ ก่อนการเลือกตั้ง 7 วันหรือภายใน 7 วันนับหลังวันเลือกตั้ง เช่นเดียวกับกรณีของบัตรเสียจำนวน 900,000 ใบ สะท้อนความล้มเหลวในการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์กับประชาชนแต่ให้ความสำคัญกับความสะดวกในการบริหารจัดการของ กกต. มากกว่า ส่วนประชาชนที่ไปใช้สิทธิแต่กากบาทในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนก็เป็นเสียงสะท้อนของความ ไม่เชื่อมั่นในตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งของแต่ละพื้นที่ แม้จะมีนโยบายดี แม้จะมีสังกัดพรรคใหญ่แต่ยังไม่รัก ไม่มั่นใจ จึงไม่เลือก
นั่นคือผลของการสำรวจและความคิดเห็นจากนักวิชาการคนทำโพลของสวนดุสิต
จากผลการสำรวจครั้งนี้จับประเด็นสำคัญได้คือ
1.การจัดการเลือกตั้งวันเสาร์ทำให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์ไม่มาก สวนทางกับสิ่งที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พยายามอธิบายข้อดีของการจัดเลือกตั้งในวันเสาร์ ทั้งที่ปกติการเลือกตั้งมักจัดในวันอาทิตย์
2.เหตุผลในการตัดสินใจเลือกผู้นำท้องถิ่นมีความแตกต่างกันกับการเลือกตั้งในระดับประเทศ จึงน่าที่จะพอเป็นคำตอบได้ว่าผลการเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้จะส่งผลต่อการเลือกตั้งใหญ่ในปี พ.ศ.2570 ได้หรือไม่
3.น่าสนใจว่าการรณรงค์ของ กกต.ทำไมไม่ค่อยได้ผล โดยเฉพาะเมื่อดูจากบัตรเสียที่มีมากถึง 900,000 ใบ
ประเด็นคำถามจึงพุ่งเป้าไปที่ กกต.ทั้งเรื่องจัดเลือกตั้งวันเสาร์ และจำนวนบัตรเสีย
ประเด็นลายข้อสงสัยคือ การเลือกตั้งท้องถิ่น ไม่มีผลอะไร หรือมีก็ไม่มากนักต่อการตัดสินใจลงคะแนนของประชาชนในการเลือกตั้งระดับชาติ