ประธานJETROพร้อมหนุนเอกชนญี่ปุ่นเพิ่มลงทุนในไทย
รมช.พาณิชย์ถกประธานเจโทรญี่ปุ่นประจำสำนักงานกรุงเทพฯ ขอรับการสนับสนุน SME ไทยและให้ช่วยผลักดันส่งออกสินค้าเกษตรซึ่งได้รับการยืนยันพร้อมนับสนุนเต็มที่และจะส่งเสริมให้เอกชนญี่ปุ่นทั้งรายเล็กรายใหญ่เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มด้วย
นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงการผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตรไปญี่ปุ่นเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยได้เสนอให้ JETRO กรุงเทพฯ เพื่อขอรับการสนับสนุนข้อมูลและความร่วมมือในการผลักดันศักยภาพของ SMEs และผู้ประกอบการไทย เพื่อเสริมสร้างสภาพแวดล้อมทางด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน ให้เกิดความยั่งยืนระหว่างกัน พร้อมทั้งส่งเสริมและผลักดันการนำเข้าสินค้าเกษตรของไทยไปตลาดญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมทอง โดยจัดหาบริษัทสตาร์ตอัปของญี่ปุ่นที่มีเทคโนโลยีช่วยจัดเก็บข้อมูลและปรับปรุงการปลูกกล้วยหอมอย่างเป็นระบบและแม่นยำมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและปริมาณผลผลิต รวมทั้งสร้างโอกาสในการส่งออกกล้วยหอมไทยไปตลาดญี่ปุ่น
"กระทรวงพาณิชย์ กับ JETRO กรุงเทพฯ จะร่วมกันจัดสัมมนาให้ความรู้กับผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่นที่อยู่ในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) ในการขยายการส่งออกไปญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันมี FTA ร่วมกัน 3 ฉบับ ได้แก่ ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น (AJCEP) และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งในช่วงครึ่งปี (ม.ค.-มิ.ย.66) ผู้ส่งออกไทยขอใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ FTA ทั้ง 3 ฉบับ รวมกันถึง 77% ของมูลค่าการส่งออกสำหรับสินค้าที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทั้งหมด หรือมูลค่า 3,602 ล้านดอลลาร์สหรัฐ"
ด้าน Mr. Kuroda Jun ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น ณ กรุงเทพฯ (Japan External Trade Organization, Bangkok: JETRO Bangkok) ระบุว่า ญี่ปุ่นสนับสนุนให้ไทยมีบทบาทนำในภูมิภาคอาเซียนและญี่ปุ่นยังมีความสนใจที่จะลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ทั้งเอกชนขนาดใหญ่และขนาดย่อม รวมถึงสตาร์ทอัพของญี่ปุ่นที่จะเข้ามามีบทบาทช่วยพัฒนาเศรษฐกิจไทยอีกด้วย
"ญี่ปุ่นพร้อมพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้ากับไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เช่น การเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติในไทย การจัดสัมมนาให้ความรู้เรื่องการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ การแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงและการจัดอบรมด้านทรัพย์สินทางปัญญาให้กับบุคลากรทรัพย์สินทางปัญญาของไทย"